รีวิวหนังผี The Divine Fury
ว่าด้วยเรื่องของ ยงฮู (พัค ซอจุน) สุดยอดนักสู้ของโลกผู้ไร้ศรัทธาในเทพองค์ใดนอกจากตัวเอง จู่ ๆ เขากลับมีแผลเป็นที่ฝ่ามือเหมือนพระเยซู เขาจึงไปพบบาทหลวงเพื่อหวังจะรักษาแผลเป็น แต่กลายเป็นว่าตัวเขาเองที่เป็นฝ่ายช่วย บาทหลวงอัน (อัน ซึงกิ) รีวิวหนังผี The Divine Fury ที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดจากการไล่ผีแทนยงฮู เริ่มเรียนรู้พลังพิเศษที่เขาได้รับจากแผลเป็นบนฝ่ามือนี้ เพื่อช่วยคนบริสุทธิ์ที่ถูกวิญญาณร้ายเล่นงาน แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ของเขาคือ จอมมารจีชิน (อู โดฮวาน) ที่หวังครอบงำจิตใจมนุษย์ด้วยความชั่วร้ายไปตลอดกาล
เจสัน คิม หรือ คิม จูฮวาน (Kim Joo-hwan) ผู้กำกับที่มีผลงานคุ้นหูแฟนหนังเกาหลีชาวไทยอย่าง Midnight Runners (2017) ได้กลับมาลองเปลี่ยนแนวจากหนังแอ็กชันกวน ๆ มาสู่หนังแอ๊กชันเหนือธรรมชาติที่ว่าด้วยภูติผีปีศาจกับบาทหลวงในสไตล์ The Exorcist ผสมความดาร์กโมเดิร์นเท่ ๆ
ดูหนังออนไลน์ 4k แบบ Constantine และแอ็กชันซัดพลังหมัดที่ชวนให้นึกถึงบางส่วนของ Iron Fist อยู่เหมือนกัน โดยยังได้ดึงดาราหนุ่มกระแสแรงที่เพิ่งมีผลงานดังในบ้านเราจากการเล่นบทสมทบ (เพื่อนของลูกชายคนโต) ในเรื่อง Parasite และเป็นที่รู้จักของแฟนเกาหลีในบ้านเราจากซีรีส์ What’s Wrong With Secretary KIM
อย่าง พัค ซอจุน (Park Seo-joon) มารับบทนำ แล้วก็เอาดารานำตัวหลักที่เล่นเป็นลูกชายคนโตจากเรื่อง Parasite อย่าง ชอย วูซิก (Choi Woo-sik) มารับบทสมทบแทน เออสับหน้าที่กันตลกดี นอกจากนี้ยังได้ทีมเอฟเฟกต์ชั้นแนวหน้าของเกาหลีจากหนัง Along with the Gods มาดูแลความสมจริงด้วย คือทีมงานคัดสรรมาแล้วจริง ๆ
นอกจากนี้หนังยังได้ดารารุ่นใหญ่ เจ้าของ 2 รางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมของเกาหลีอย่าง อัน ซึงกิ (Ahn Sung-Ki) มารับบทสมทบสำคัญในฐานะบาทหลวงที่เป็นเหมือนอาจารย์ของพระเอก ในฟากตัวร้ายก็ไม่น้อยหน้าได้เจ้าของรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ชายยอดเยี่ยม จากละครเรื่อง Mad Dog และเป็นที่รู้จักของแฟนชาวไทยจากซีรีส์ Great Seducer อย่าง อู โดฮวาน (Woo Do-Hwan) มารับบทบิชอปดำผู้รับใช้จอมปีศาจร้ายแห่งขุมนรกด้วย
ส่วนที่ต้องชื่นชมอย่างมากเลยคือ การนำชั้นเชิงเรื่องดราม่าที่เอกอุของหนังเกาหลี มาผสมผสานใส่แนวหนังไล่ผีของฝรั่งได้อย่างน่าสนใจ เพิ่มมิติการเล่าเรื่องได้แปลกรสที่กำลังเบื่อเลี่ยนได้พอดิบพอดี ถ้าหนังฝรั่งเราก็คงมีตัวเอกที่ไม่ศรัทธาในพระเจ้า แต่ต้องรับบททดสอบด้วยการเผชิญหน้าปีศาจที่เข้าสิงผู้บริสุทธิ์
แล้วสุดท้ายก็เกิดเชื่อมั่นศรัทธาแล้วก็เอาชนะไปได้ง่าย ๆ เป็นอันจบ เป็นแนวคุ้นเคยดีจากหนังตระกูลนี้ แต่กับหนังเกาหลีเรื่องนี้ได้สร้างบันไดแห่งการพิสูจน์ตัวละครที่ละเอียดกว่า ดูน่าเชื่อกว่า พระเอกไม่ได้อยู่ ๆ จะมาเชื่ออย่างปุ่บปั่บได้ เอาว่ากันตรง ๆ แล้วจนจบเรื่องเขาก็ยังพูดว่าเขาไม่ได้ศรัทธาในพระเจ้าอยู่ดีด้วยซ้ำ
รีวิวหนังผี และเส้นทางการเรียนรู้ของตัวเอกก็ไม่ได้เรียบราบจนไร้สติ หากแต่เป็นการเรียนรู้ที่ค่อย ๆ มีพัฒนาการโดยคงลักษณะนิสัยที่เป็นเสน่ห์ของพระเอกที่นิ่งกวนเล็ก ๆ และเหมือนมีคำถามขัดแย้งกับศาสนาอยู่ตลอดเวลาให้คนดูชวนคิดตามด้วย และบาทหลวงเฒ่าก็เก่งในการสอนด้วยสิ หนังเลยมีโมเมนต์ดี ๆ อยู่ตลอด
ตรงนี้เป็นการสร้างความขัดแย้งที่น่าจับตามองตลอด ของการแสดงคู่กันระหว่างคู่หูต่างรุ่น อย่างพระเอกกับบาทหลวงสูงวัย ซึ่งตรงนี้ต้องยอมรับว่าการแสดงของ อัน ซึงกิ นั้นชูชงให้บทบาทของ พัค ซอจุน ยิ่งดูเข้มข้นขึ้นมาก ทั้งเรายังไม่อาจละสายตาจากการเล่นน้อยแต่สะกดของทั้งคู่ได้เลย บ่อยครั้งเป็นเพียงการเล่นด้วยการกะพริบตา
แต่สื่ออารมณ์ได้หลากหลาย แม้แต่บทสมทบเล็ก ๆ ของ ชอย วูซิก เอง เราก็จะได้เห็นว่าเขามีฉากโชว์ของตัวเองที่น่าสนใจเช่นกัน คือเป็นเครื่องยืนยันว่าบท การกำกับ และการแสดงของหนังเรื่องนี้ คือเครื่องเทศรสใหม่ ที่ทำให้หนังแนวนี้แตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญจริง ๆ
จุดอ่อนของหนังมีที่หนักหน่อยคือ ฉากช่วงสุดท้ายนั้นไม่ค่อยมันเร้าใจสมการรอคอยที่ปูกันมายาวนาน คิวบู๊และการออกแบบฉากต่าง ๆ ยังน่าจะทำได้สนุกกว่านี้ น่าตื่นตาตื่นใจกว่านี้ได้อีก และยิ่งฉากถ้ำนรกที่พระเอกต้องปิดบัญชีกับบอสใหญ่นั้นก็ไม่ได้รู้สึกว่า อิ่ม เท่าที่ควร ตัวนักแสดง
อู โดฮวานก็ทำได้ดีในการสร้างความน่ากลัวกลางเรื่องมา แต่พอมาถึงฉากสุดท้ายที่ต้องปะหนังเทียมทั้งตัวก็กลับลดทอนปิดบังการแสดงดี ๆ ของเขาไปกลายเป็นแค่พวกปีศาจดาด ๆ ที่มีเห็นในหนังทั่วไป ซ้ำพลังอะไรก็ไม่ได้ดูว้าวเลย มีตอนท้ายสุดที่เผยร่างปีศาจจากบ่อนรกนั่นล่ะที่รู้สึกว่าหนังกั๊กไว้ปล่อยของภาคต่อหรือเปล่าหว่าอยู่เหมือนกัน
The Divine Fury เป็นภาพยนตร์แนว Action / Horror ที่เป็นสยองขวัญเพราะท้องเรื่องอยู่บนการปราบผี ลัทธิบูชาซาตาน และที่เป็น Action ก็เพราะพระเอกมีอาชีพเป็นนักกีฬา MMA (Mix Martial Art หรือ ดูหนังออนไลน์ ศิลปะการต่อสู้แบบผสม หมายถึง ศาสตร์การเตะต่อยทุกแขนงทุกชาติ) การจัดการผีหรือปีศาจซาตานจึงเป็นการผนึกพลังของศาสตร์แห่งคุณไสยและศาสตร์แห่งพละกำลัง เพิ่มดีกรีความมันส์มากกว่าหนังปราบผีทั่วไป สมกับชื่อเรื่อง The Divine Fury
รีวิวหนังผี The Divine Fury
ดูหนัง 4k ก็เป็นแนวที่แปลกใหม่ดีเหมือนกัน สร้างสรรค์ผลงานโดยผู้กำกับ คิมจูฮวาน (หรือ เจสัน คิม) ที่เคยประสบความสำเร็จดีมาจาก Midnight Runners (2017) และเรื่องนี้เขาก็ได้คว้าตัว พัคซอจุน มารับบทนำให้อีกครั้ง หนังเปิดตัวฉายที่เกาหลีได้ฮือฮาพอควร แต่สัปดาห์ต่อๆมายอดขายตั๋วอาจเบาบางเร็วไปหน่อย คงเพราะขาดกระแสปากต่อปาก หรืออาจจะไม่ใช่ genre ที่เป็นเทรนด์นิยมของคนเกาหลีช่วงนี้เท่าแนว Comedy มั้ง
ยงฮู (รับบทโดย พัคซอจุน) แชมเปียนนักสู้ MMA ระดับโลก ผู้ไม่เคยแพ้คู่ต่อสู้ใดบนผืนผ้าใบเลยสักครั้ง ความเทพของเขามาจากจิตด้านมืดที่ต้องชนะ จะโหดแค่ไหนก็ได้
เขาเป็นคนไร้ศรัทธาในพระเจ้า แม้ว่าจริงๆแล้วเขาเกิดมาในครอบครัวคริสเตียน และเด็กน้อยยงฮูในวัย 7-8 ขวบก็เต็มไปด้วยพลังศรัทธา กระตือรือร้นอยากไปโบสถ์มาก เคยมีความคลางแคลงใจในพระเจ้าครั้งหนึ่งในเรื่องที่ไม่ปกป้องชีวิตแม่สมัยที่เขาเกิด ซึ่งผู้เป็นพ่อ (รับบทโดย อีซึงจุน) ได้อธิบายไว้ว่า แม้พ่อจะสวดภาวนามากมายให้แม่รอด แต่แม่สิสวดภาวนาแรงกล้ากว่ามาก เพื่อให้ยงฮูลูกในท้องคลอดมาได้ปลอดภัย (ซึ้งมากเลย)
ต่อมาเขาจึงพยายามจะสวดอ้อนวอนแรงกล้ากับพระเจ้าเพื่อขอให้รักษาชีวิตพ่อของเขา ซึ่งบาดเจ็บโคม่าจากการปฏิบัติหน้าที่ตำรวจจราจร (ที่เผชิญกับเรื่องร้ายเกินคาดโดยไม่มีใครรู้) แต่เมื่อพ่อหนีไม่พ้นชะตาความตาย เขาจึงเสื่อมศรัทธามานับจากนั้น แถมยังโกรธแค้นบาทหลวงที่โบสถ์ซึ่งไม่สามารถสวดอ้อนวอนได้สัมฤทธิ์ผล
วันหนึ่งขณะที่แชมเปียนยงฮูกำลังเดินทางกลับมาเกาหลี แต่ตื่นขึ้นมาพบรอยแผลแหลมลึกเกิดขึ้นที่ฝ่ามือข้างหนึ่ง และมักมีเลือดออกกลางดึกเมื่อฝันว่าถูกคุกคามจากสิ่งชั่วร้ายบางอย่าง แพทย์ก็หาข้อสรุปของโรคให้ไม่ได้ แต่ผู้จัดการส่วนตัวได้แนะนำให้ลองไปหาหลานสาวของเขา ซึ่งเธอเคยประสบเหตุประหลาดทำนองเดียวกัน จนลงเอยด้วยการตาบอดแต่สามารถมองเห็นวิญญาณได้ จึงมายึดอาชีพแม่หมอ เธอได้ชี้แนะให้ยงฮูไปหาบาทหลวงอัน (รับบทโดย อันซองกี) ที่โบสถ์
บาทหลวงอัน เป็นบาทหลวงปราบผีสไตล์คาทอลิค สังกัดองค์กรลับกลุ่มนักปราบผีปีศาจมืออาชีพที่ชื่อว่า Arma Lucis (แปลว่า อาวุธแห่งแสง) เดินทางมาจากวาติกันพร้อมกระเป๋าอุปกรณ์ปราบผีปีศาจครบเครื่อง (ผู้กำกับพิถีพิถันกับการออกแบบอุปกรณ์ต่างๆและฟังก์ชันการใช้งานมาก) เพื่อภารกิจหลักคือตามหาดาร์กบิชอป นักบวชผู้มีจิตฝักใฝ่พลังมืด แต่ระหว่างนั้นบาทหลวงก็ช่วยปราบผีให้ผู้เดือดร้อนที่ขอความช่วยเหลือมาเสมอ คงหวังว่าอาจจะเป็นช่องทางให้สาวไปหาดาร์กบิชอปเจอก็ได้ แต่งานปราบผีปีศาจมันช่างเยอะแยะและเหน็ดเหนื่อย จำเป็นต้องมีผู้ช่วยที่ดี
ในคืนที่ยงฮูแวะไปหาบาทหลวงอัน ซึ่งกำลังทำพิธีปราบผีร้ายร่วมกับผู้ช่วยจูเนียร์ คือ บาทหลวงชเว (รับบทโดย ชเวอูชิก) ฤทธิ์เดชของผีร้ายทำเอาบาทหลวงชเวตกใจหนีกระเจิงไป ดูหนัง และบาทหลวงอันก็กำลังเพลี่ยงพล้ำปางตาย ยงฮูจึงเข้าไปช่วย ก็ได้พบว่า ฝ่ามือที่มีแผลปริศนาของเขานี่แหละที่กลายเป็นอาวุธได้
เมื่อผนึกกำลังรวมกับน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ของบาทหลวงอันก็สามารถกำจัดผีร้ายได้ชะงัด บาทหลวงอันจึงไปช่วยปัดเป่าสิ่งรบกวนให้ยงฮูที่บ้าน ซึ่งก็ได้ผล ทำให้คืนนั้นยงฮูได้นอนหลับเต็มอิ่ม เลือดไม่ออกจากมือกลางดึกอีกแล้ว แต่ยงฮูก็ยังต้องการนำสร้อยไม้กางเขนไปคืนให้บาทหลวงอัน เพราะตนจะไม่ศรัทธาแน่นอน
บาทหลวงอันเป็นคนจริงจังกับงาน มองโลกในแง่ดี เป็นมิตร สงบอบอุ่น และจริงใจมาก แต่ละบทสนทนาที่แฝงการจูงใจยงฮูให้กลับมาศรัทธาในพระเจ้า และช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ยงฮูก็ไม่สนใจตอบรับ จนเมื่อได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับบาทหลวงอันหลายๆครั้งเข้า รวมทั้งการเห็นภารกิจปราบผีที่เสี่ยงภัยเกือบเอาตัวไม่รอดบ่อยครั้ง จนทำให้เขาอดใจช่วยไม่ได้ ปราการจิตใจของยงฮูกำลังสั่นไหว ความศรัทธาจะกลับคืนมาอย่างไร ต้องไปตามดูกัน
ส่วนดาร์กบิชอปที่แฝงตัวมาอยู่เกาหลีในชื่อว่า จีชิน (รับบทโดย อูโดฮวาน) เปลือกนอกเป็นนักธุรกิจเศรษฐีหนุ่มหล่อ เจ้าของไนท์คลับดัง แต่เบื้องหลังหมกมุ่นการเป็นอมตะด้วยพิธีกรรมสังเวยวิญญาณให้ซาตานอสรพิษร้าย ซึ่งมีอาวุธเด็ดเป็นเขี้ยวอสรพิษ จีชินสวมแหวนอีกาที่มีปลายจงอยยาวแหลมจิกเจาะให้เลือดตก เป็นสัญลักษณ์ความชั่วร้าย ตรงกันข้ามกับแหวนอธิษฐานทรงไม้กางเขนของบาทหลวงอันที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการปราบผีร้ายให้มนุษย์สงบสุข บาทหลวงอันและยงฮูจะหาดาร์กบิชอปเจอและรับมือกับเขาอย่างไร คงต้องตามไปเอาใจช่วยลุ้นละ
ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าหนังเรื่องนี้มีดีและมีติคู่ไปด้วยกัน การผูกเรื่องได้ค่อนข้างน่าสนใจดี ชอบนะที่รวมเอาหลายๆอย่างมาอยู่ด้วยกันได้กลมๆดี ตั้งแต่พลอตปราบผี ความศรัทธาในพระเจ้า (นัยความเชื่อ-ความศรัทธาในมิติอื่นๆด้วย) ธรรมะ vs อธรรม นัยการสู้กันของความดีความชั่วในจิตใจของตัวตนมนุษย์
(โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตัวยงซูเอง) ความแฟนตาซีของสิ่งที่เป็นอาวุธของพระเอก (ฝ่ามือ) และอาวุธของตัวร้าย (ซาตานอสรพิษ) ในการต่อสู้กัน แต่รวมๆก็จะมีจุดอ่อนที่ตรรกะอาจหย่อนหายไปบ้าง หรือการอธิบายขยายความอาจน้อยไปนิด จนทำให้ผู้ชมต้องช่วยมโนเสริมเข้าไปเอง หรือถ้าไม่คิดตั้งคำถามมากนัก ปล่อยใจคล้อยตามเรื่องไป ก็ดูสนุกได้ประมาณนึงนะคะ
ส่วนจังหวะจะโคนของการเดินเรื่อง ก็เป็นลักษณะการสลับไปมา เร้าใจแล้วพัก พักแล้วเร้าใจใหม่ หลายช่วงหลายชอต ช่วงเร้าใจก็ทำได้ดีนะ ตื่นเต้น ระทึก สมจริง งานโปรดัคชันถึงอย่างครบเครื่อง แต่บางช่วงจังหวะพักก็อาจดูเรียบเนือยไม่ค่อยกระชับนัก
นัยที่แฝงมากับบทที่พูดถึงความรักความศรัทธาที่ควรมีศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ในยุคสมัยนี้อาจมีผู้คนมากมายที่คิดและเป็นแบบยงซู หรือคนไร้ศาสนาก็มีเยอะขึ้นทุกวันนะ แต่ผู้เขียนรู้สึกได้ว่าหนังหยิบการถ่ายทอดความรักความศรัทธาที่มนุษย์พึงมีในการดำรงชีวิตให้มีคุณธรรมและช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้มีชั้นเชิงดี ผ่านหลายระดับ คือ การศรัทธาในพระเจ้าหรือพระบิดา ซึ่งอาจมองเป็นเรื่องนามธรรม แต่การศรัทธาต่อตัวพ่อบาทหลวง (บาทหลวงอัน) เป็นรูปธรรมที่ต้องใช้เวลาพิสูจน์
และระดับที่รูปธรรมใกล้ตัวสุด เชื่อฝังใจได้แบบแทบไม่ต้องมีเหตุผล คือพ่อของตัวเอง (ตรงกับศาสนาเราที่สอนว่าพ่อแม่คือพระในบ้านในใจเรา) ยงซูเชื่อและศรัทธาตัวพ่อ เก็บแหวนของพ่อไว้กับตัวเสมอ ในวันที่เขาพิสูจน์ได้ว่า ถ้าเขามีศรัทธาแรงกล้า จะมีพลังต่อกรกับความชั่วร้ายได้อย่างสุดกำลัง เขาก็จะสามารถช่วยรักษาชีวิตของบาทหลวงอันได้ จะให้ไปคิดต่อกันเองว่ายงซูจะกลับไปเป็นคริสตชนที่เคร่งครัดเหมือนเดิมหรือไม่ อาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่ากับที่เขาเข้าใจคำว่า ‘ศรัทธา’ ในความรักและการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และปลดแอกจิตใจด้านมืดของตัวเองได้
ฝ่ามือที่เกิดรอยจากวัตถุแหลมประหลาดมีเลือดออก ก็เป็นพลอตจินตนาการที่อาศัยเรื่องราวของพระเยซูถูกตอกตะปูตรึงกางเขนจนสิ้นพระชนม์ อันเป็นความเสียสละที่ยิ่งใหญ่เพื่อไถ่บาปให้มวลมนุษย์ และกลับมาส่งพระจิตช่วยเหลือมวลมนุษย์ แผลของยงฮูที่ถูกปีศาจร้ายรีดเลือดทุกคืน
ก็เหมือนการกระตุ้นชะตาของยงฮูให้พบกับทางธรรมเร็วขึ้น คือได้พบกับบาทหลวงอัน (สัญลักษณ์ความเป็นพ่อ) ซึ่งจะเป็นคนช่วยเปิดใจให้เขากลับมามีศรัทธา และฝ่ามือนี้แหละจะพลิกกลับกลายเป็นอาวุธทรงพลังจากพระเจ้าที่ใช้กำจัดสิ่งชั่วร้ายหรือบาปมนุษย์ที่สะสมอยู่บนโลกนี้ ซึ่งเป็นไปตามชื่อเรื่องในภาษาเกาหลีว่า 사자 (ซาจา) ซึ่งไม่ได้แปลตรงๆว่า สิงโต แต่เป็นความหมายถึง ผู้ที่ถูกพระเจ้าเรียกหาให้เป็นตัวแทนต่อสู้กับเหล่าร้าย
บทไดอาล็อกดีๆหลายๆอันน่าสนใจมาก เช่นคำอธิบายของพ่อเรื่องทำไมแม่ตาย บทสนทนาอื่นๆของบาทหลวงอันที่พูดถึงความเชื่อความศรัทธา