รีวิว A Classic Horror Story
สำหรับซีซั่นนี้ถือว่าแหกทุกกฎของความสยองขวัญเลยก็ว่าได้ มีการสร้างมิติใหม่ที่ไม่จำเจ มีการฆ่าตัวละครทิ้งแบบไม่สนใจใยดีๆเลย รีวิว A Classic Horror Story และเป็นซีซั่นที่มีการโยงจักรวาลสยองขวัญมาอย่างเต็มรูปแบบใหม่ ถือว่าเป็นซีซั่นที่แปลกใหม่ ไม่ตายตัวเลย ดูแล้วเดาทางไม่ค่อยได้
ไม่เหมือนกับซีซั่นก่อนๆของ AHS มีการหักมุมของเนื้อเรื่องตลอด นี่จึงเป็นจุดที่ทำให้ซีซั่นนี้สนุกมากยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องความสยองไม่ต้องพูดถึงก็แน่นอนว่าจัดเต็ม ตามสไตล์ผู้กำกับอย่างเมอร์ฟี่ เอาเป็นว่า ใครอยากลองความสยองแบบใหม่ ควรดูซีซั่นนี้เลย
roanoke ahs รีวิว อะเมริกันฮอเรอร์เริ่มต้นกันกับ Season 6 “Roanoke” ออกมาในแนวๆสารคดี มีการเล่าเรื่องเหมือนสัมภาษณ์ในรายการสารคดี เนื้อเรื่องก็ว่าด้วย แชลบี้ และ แม็ตต์ คู่รักที่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเมืองหลวง ในขณะที่ทั้งคู่โดนเดินไปชมละครเวที แม็ตต์กับถูกอัตพาลทำร้ายอาการสาหัส ขณะที่เขาฟื้นตัวจากอาการโคม่า แชลบี้ก็เกิดสภาวะเครียดจัด ทำให้เธอแท้งลูก หลังจากที่เธอและแม็ตต์อาการดีขึ้นทั้งคู่ตัดสินใจ จะหนีจากเมืองหลวงไปสู่ชีวิตชนบท และแล้วทั้งคู่ก็ได้พบกับบ้านกลางป่าหลังใหญ่ และราคาถูก พวกเขาตัดสินใจซื้อบ้านหลังนั้น โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่า มีสิ่งที่น่ากลัวและสยดสยองอยู่ในป่าข้างบ้านของพวกเขา
Cult Season 8 คัลท์สำหรับซีซั่นนี้มาในธีม “Cult” ซึ่งแปลว่าลัทธิ หรือกลุ่มความเชื่อของเล็กๆของคนกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่แพร่หลายหรือมีองค์ประกอบครบถ้วนจนถึงขั้นเป็นศาสนาได้ เรื่องราวของการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2016 ซึ่งมีผู้ท้าชิงคนสำคัญคือฮิลลารี คลินตัน และโดนัลด์ ทรัมป์ และหลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา เรื่องราวชุลมุนก็เกิดขึ้น เหล่าวายร้ายที่สวมหน้ากากตัวตลก ได้ออกไปสร้างความหลอนกับบ้านทุกหลัง และก่อเหตุฆาตกรรมไปทั่ว ใครจะไปรู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะผู้ชายคนเดียวที่หมกมุ่นเรื่องการเมืองนับตั้งแต่ ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี รีวิวหนังผี
ในซีซั่นนี้ค่อนข้างจะแตกต่างกับซีซั่นอื่นๆเพราะจะเข้าไปเล่นกับความกลัวในจิตใจจริงๆของมนุษย์ พร้อมกับเสียดสีประเด็นทางสังคมต่างๆได้อย่างแยบยล เรียกว่าเป็นซีซั่นแจ้งเกิดของ Evan Peters เลยทีเดียว นักแสดงหลักในซีซั่นนี้สุดยอดฝีมือมากๆ แสดงปล่อยของกันอย่างเต็มที่จริงๆ มันคลั่งกันจริงๆอะ เนื้อหาบทสุดยอดมากๆจริงๆ ต้องปรบมือให้จริงๆในช่วงแรกอาจจะต้องอดทนนิดนึง เพราะมีความปูเนื้อหาค่อนข้างเยอะ อาจทำให้คนเบื่อได้ แต่รับรองว่าหลังจากนี้ไปเตรียมตัวรอรับความคลั่งแบบเต็มพลังกันได้เลย
ดูหนังสยองขวัญซีซั่นที่แปดนี้คือ “Apocalyse” ในซีซั่นนี้จะเป็นการ Cross over กันระหว่างหลายๆซีซั่นไม่ว่าจะเป็น Murder House หรือ Coven โดยหลักๆเป็นเรื่องการปะทะกันระหว่างแม่มดและซาตาน โดยได้ใช้การเล่าเรื่องผ่านเหตุการณ์วันสิ้นโลกที่ต้องไปอาศัยอยู่ในฐานลับเพื่อเอาชีวิตรอด แต่เมื่อยิ่งอยู่ไปนานๆก็ยิ่งก่อให้เกิดความเครียดในฐานลับ และในขณะเดียวกันก็มีการกลับมาของแม่มด ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายและสยดสยองตามมา เว็บดูหนัง
ใครที่ยังไม่เคยดู ซีซั่น 1 และ ซีซั่น 3 มาก่อน แนะนำว่าให้ดูก่อนแล้วค่อยมาดูซีซั่นนี้ เพื่อเพิ่มความสนุกยิ่งขึ้น แต่ถ้ายังไม่ได้ดูซีซั่นอื่นมาก่อน ก็ยังสามารถเข้าใจเนื้อหาในซีซั่นได้ ซีซั่นนี้เป็นตอนที่เอาใจแฟนสุดๆ ใครคิดถึงตัวละครไหนในซีซั่นก่อนหน้านี้ ควรกลับมาดูซีซั่นนี้ สนุกจริงๆ มีการพูดถึงพระเจ้า ศาสนาด้วย ส่วนตัวเราเองไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือชอบซีซั่นนี้มากเท่าไหร่ แต่ประทับใจการเอาตัวละครกลับมาเพราะจะได้เจอตัวละครที่ไม่เคยมานานแสนนาน อย่างป้าแลงก์ จากซีซั่น 4 หรือ แม่มดจากซีซั่น 3 เว็บดูหนังฟรี
1984และซีซั่นต่อมาคือ “1984” หรือ “แคมป์สยองขวัญกับฆาตกรฆ่าเฉือนหู” ซีรีส์ในซีซั่นนี้จะหยิบเอาแรงบันดาลใจมาจากหนังแนวฆาตกรรมแนว Slasher มาเป็นธีมหลัก เป็นแนวสยองขวัญยุค 80 เต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นเรื่องราวของ บรุก หญิงสาวไร้เดียงสา
ที่ได้ไปร่วมค่ายกับเพื่อนๆที่เต้นแอโรบิกด้วยกัน โดยไปอาสาเป็นพี่เลี้ยงที่ Red wood camp ที่ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุการณ์สยองขวัญและเหตุสุดสะพรึงมากมาย และยังรวมถึงพลังของซาตานต่างๆที่คอยแทรกเข้ามาตลอดทั้งซีซั่นนี้ ใครที่อยากสัมผัสความสยองขวัญในยุคของ 80s แบบเน้นๆอย่างนี้ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ
พูดถึงความสยองในซีซั่นก็เรียกได้ว่าจัดเต็ม ถึงขั้น ถึงจิต สะใจคนชอบแนวเลือดสาดสุด ๆ ต้องขอชื่นชมผู้กำกับและทีมงานจริงๆเพราะทำออกมาได้ครบสมบูรณ์มากจริงๆ ทั้งภาพ แสง สีเสียง และที่ดีใจอีกอย่างหนึ่งคือซีซั่นนี้ ก็ได้ Emma Robert กลับมาอีกครั้ง
ก็ได้แต่หวังว่าชีจะไม่ตายเพราะเท่าที่ผ่านมาหลายๆซีซั่นชีตายตลอด 5555 แต่ก็แอบเสียใจที่ไม่มีป้า Sarah กับ ป้าแลงก์มาร่วมในซีซั่นนี้ แต่โดยรวมคือซีซั่นนี้สนุกมาก เพื่อนหลายๆคนโดย AHS ตก จนตามไปดูซีซั่นอื่นๆ ก็เพราะซีซั่นนี้แหละ หนังฟรี
american horro story หนังฮาโลวีน ส่วนซีซั่น 10 คือ Double Feature ว่าด้วยเรื่องราวของ แฮร์รี การ์ดเนอร์ ดอริส ภรรยาที่ตั้งครรภ์ของเขา และอัลมา ลูกสาวของพวกเขาเดินทางจากนิวยอร์กซิตี้ไปยังโพรวินซ์ทาวน์ รัฐแมสซาชูเซตส์ เป็นเวลาสามเดือน
ในเมืองนี้มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นอยู่ และเมื่อแฮร์รี่ได้เข้าไปสัมผัส ก็เกิดเรื่องวุ่นวายที่จะพลิกโฉมชีวิตเขาไปตลอดเขา สำหรับในซีซั่นนี้เป็นเรื่องล่าสุดที่เพิ่งออกมา แต่ส่วนตัวเรายังดูไม่จบเลยยังรีวิวไม่ได้ แต่ดูไปประมาณ สี่ ตอน ก็สัมผัสได้ว่ามีความสยองตามสไตล์ AHS จริงๆ เดี๋ยวไว้ถ้าดูจบแล้วจะกลับมาเขียนรีวิวให้ทุกคนได้ติดตามชม
สำหรับ AMERICAN HORROR STORY ก็เป็นซีรี่ส์ชุดสยองขวัญที่เราชอบมาก เป็นผลงานของเมอร์ฟี่ ที่สุดยอดมากที่สุดอีกหนึ่งผลงาน ใครที่อยากลองติดตามผลงานของผู้กำกับคนนี้ และเป็นสายสยองขวัญเหมือนกัน ก็ไม่ควรพลาด AMERICAN HORROR STORY เพราะมันบ้าคลั่งสมกับความสยองจริงๆ เอาเป็นว่าลองเปิด Netflix แล้วมาสยองพร้อมๆกันในช่วงฮาโลวีนนี้เลย หนังใหม่
นักเดินทางแปลกหน้า 5 คน, อุบัติเหตุทางรถยนต์, บ้านร้างกลางป่า, เพลงกล่อมเด็กพื้นบ้านที่เนื้อหาชวนหลอกหลอน, ลัทธิประหลาด เหล่านี้ล้วนเป็นภาพจำของหนังสยองขวัญเก่า ๆ ไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยเรื่องเข้าไปแล้ว ทว่าปริศนาอันดำมืดของเรื่องเล่าสยองขวัญแบบคลาสสิกนี้ก็ยังมีเสน่ห์ยั่วยวนให้ผู้ชมค้นหาคำตอบอยู่เสมอ
ไปเห็นข้อความข้างต้นมาจากที่หนึ่งในอินเทอร์เน็ต ซึ่งว่าไปก็เห็นจริงตามนั้น และมันไม่ใช่แค่ความเห็นด้วยแต่เป็นความรู้สึกมวลรวมต่อประสบการณ์รับชมเน็ตฟลิกซ์เสียด้วยซ้ำ ว่ากันตามตรงเวลาดูหนังสยองของเน็ตฟลิกซ์ ก็จะรู้สึกมันพร่อง ๆ ไม่ตรงไหนก็ตรงหนึ่งอยู่เสมอ แม้แต่ซีรีส์ดังสุดอย่าง ‘Stranger Things’ ก็เช่นกันแม้ไม่มากนัก
สำหรับเรื่องนี้เป็นคอนเทนต์จากฝั่งอิตาลี ที่มีกลิ่นแรงบันดาลใจแรงจากหนังสยองขวัญหลายต่อหลายเรื่อง โดยเฉพาะหนังฝั่งยุโรปที่ชอบเล่นเรื่องวัฒนธรรมประหลาดในหมู่บ้านห่างไกล อย่างนึกใกล้สุดก็เรื่อง ‘Midsommar’ (2019) ของ อารี แอสเตอร์ (Ari Aster) เอามาผสมผสานหนังสยองเกรดบีกระท่อมร้างกลางป่า อย่าง ‘The Evil Dead’ (1981) ของ แซม ไรมี (Sam Raimi) ซึ่งดูจะชัดเจนสุด ดูหนังฟรี
หนังเล่าเรื่องของนักเดินทาง 4 คน ที่เช่ารถบ้านของหนุ่มเนิร์ดหนังคนหนึ่ง เหตุผลของการเดินทางนั้นบ้างเพื่อกลับบ้าน บ้างเพื่อไปร่วมงานแต่งงาน โดยแต่ละคนก็ซ่อนบาปบางอย่างของตนเองไว้ ตามสูตรหนังสยองที่มักต้องตราบาปของตัวละครเพื่อสั่งสอนว่าคนเหล่านี้ต้องเผชิญความชั่วร้ายด้วยเหตุบาปอันใด ในที่นี้ก็เช่น การประสงค์ทำแท้งลูกที่กำลังจะเกิด หรือเคยฆ่าคนตายมา เป็นต้น
รีวิว A Classic Horror Story
แต่ระหว่างทางอันยาวไกลนั้นอยู่ ๆ ทั้งหมดก็ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้ากับต้นไม้ข้างทาง ทว่าเมื่อทุกคนฟื้นในเช้าวันรุ่งขึ้น จากข้างถนนไม่กี่เมตร กลายเป็นว่ารถพวกเขาไปโผล่อยู่กลางป่าขนาดใหญ่ ตรงหน้าบ้านทรงโบราณหลังหนึ่ง ที่ด้านในมีกรอบใส่รูปภาพคนสวมหน้ากากลัทธิแปลก ๆ อยู่หลายสิบรูป ซึ่งต้องบอกว่าหนังเซ็ตฉากและสถานการณ์ได้ลึกลับน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
หลังจากนั้นเรื่องราวทั้งลึกลับและชวนขวัญผวาก็เริ่มขึ้น เมื่อตัวละครสำรวจป่ารอบ ๆ และพบพิธีกรรมบางอย่างอันน่าสยดสยอง และครั้นยามค่ำคืนมาเยือนก็มีเสียงไซเรนแผดดังพร้อมแสงสปอตไลต์สีแดงทั่วบริเวณ รวมถึงร่างปริศนาตามแนวป่าที่มีจิตมุ่งร้าย อันที่คนดูจะต้องร่วมสถานการณ์เอาตัวรอดไปพร้อมตัวละครในแต่ละค่ำคืนที่พ้นผ่านไป ดูหนังออนไลน์
จุดดีของหนัง คืองานออกแบบศิลป์ต่าง ๆ ที่ลงตัว ดูพอดี ทำให้เชื่อได้ว่าเรื่องราวเหล่านี้อาจมีอยู่จริงได้ ไม่ถึงกับเมายาแฟนตาซีแบบใน ‘Midsommar’ และยังคลุมโทนมืด ๆ ได้ดีแบบไม่รกรุงรัง ใครเคยดูหนังเน็ตฟลิกซ์อีกเรื่องอย่าง ‘The Ritual’ ที่ใช้ป่าแถบสแกนดิเนเวียเป็นฉากหลัง หนังจะให้อารมณ์ประมาณนั้นแต่ดูสะอาดตากว่า
อีกจุดคือ การสร้างนิทานความเชื่อพื้นบ้านนั้น เอามาใช้ได้น่าขนลุกและน่าติดตาม มันมีทั้งความคลุมเครือไร้เหตุผลแต่สั่นประสาท การออกแบบตัวละครต่าง ๆ ทั้งฝั่งปีศาจ และตัวละครเหยื่อทำมาได้ดี มีคาแรกเตอร์แตกต่างไม่ทับกันเลย นอกจากนี้ตัวดารานำอย่าง มาทิลดา แอนนา อิงกริด ลุตซ์ (Matilda Anna Ingrid Lutz) ก็มีเสน่ห์ชวนมองมาก ทั้งการแสดงสีหน้าความกลัวความอ่อนแอเจ็บปวดของเธอ ก็ยังดูตรึงสายตา ดึงดูดให้เอาใจช่วยได้มาก
ต้องยอมรับว่าหนังสร้างพลอตได้น่าสนใจเลย แม้บางจุดจะทำให้พอเดาบางอย่างได้ แต่ในตัวพลอตใหญ่นั้นก็ถือว่าทำได้ดี น่าสนใจ ในส่วนค่อนเรื่องหลังนั้นมีความพยายามฉีกขนบของหนัง (ในเชิงล้อเลียนยั่วล้อและสรรเสริญ) อย่างที่ ‘The Cabin in the Woods’ เคยทำกับหนังอย่าง ‘The Evil Dead’ มาแล้ว แต่ในเรื่องนี้เป็นขนบหนังสยองขวัญลัทธิโบราณแทน ตรงนี้ก็ต้องชื่นชมในความสร้างสรรค์ในการนำเสนอ
หนังจึงทั้งมีความสดและไม่สด มีทั้งความสยองและไม่สยอง มีทั้งเหตุผลและไม่มีเหตุผลผสมปนเปกันไป แล้วแต่ผู้สร้างอยากจะหยิบเน้นอะไรมาใช้ เป็นการพูดยาก ว่าหนังดีหรือไม่ดีโดยไม่พูดถึงฉากจบ เพราะหนังฝากทั้งหมดทั้งมวลไว้กับการไขปริศนาลึกลับต่าง ๆ ดังนั้นใครที่ชอบวิธีการจบแบบนี้ก็อาจจะบอกว่าหนังดี ใครไม่ชอบก็คงบอกว่าหนังพอดูได้ เพราะในแง่หนึ่งโปรดักชันของหนังนั้นทำได้ไม่แย่เลย
ถ้าถามส่วนตัวคือรับได้กับวิธีจบ แม้จะไม่ใหม่มากเราเห็นทั้งหนังเกรดเอและเกรดบีต่างใช้วิธีจบแบบนี้มาแล้วทั้งนั้น แต่ที่หนังขาดไปอย่างน่าติติง คือความอิ่ม ความสะใจของผู้ชม ที่หนังอุตส่าห์ปูมาดีขนาดนี้ แต่กลับสรุปจบได้บ้าคลั่งน้อยกว่าที่ควรเป็นไปมาก (หรืออยากเก็บไว้ทำภาค 2 ก็ไม่แน่ใจนัก)
แต่ถ้าถามว่าหนังเรื่องนี้ช่วยลบคำครหาว่า เน็ตฟลิกซ์ออริจินัลขาดแคลนหนังสยองขวัญดี ๆ ได้ไหม ก็คงบอกว่ายังไม่ช่วย เหมือนน้ำตาลช้อนเดียวไม่ได้เปลี่ยนน้ำทะเลได้ฉันใดก็ฉันนั้น แต่นาน ๆ เจอน้ำตาลรสชาติดีกว่ามาตรฐานน้ำทะเล เราก็อยากแนะนำให้ชิมอยู่เหมือนกัน