รีวิว alive หนังซอมบี้เกาหลี ที่ได้รับความนิยม วันนี้อยากจะมาพูดเกี่ยวกับภาพยนตร์ซอมบี้จากประเทศเกาหลีอย่าง alive หรือชื่อภาษาไทยก็คือ คนเป็นฝ่านรกซอมบี้ หลังจากที่ Train to Busan ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากแล้ว ยังมีซีรีย์ชุดอย่าง Kingdom ที่ฉายทาง Netflix ก็กระแสดีไม่แพ้กันได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายและ alive ก็มาเติมเต็มความต้องการของผู้ชมสตรีมมิ่งของตนเองได้อย่างทันท่วงที ซึ่งได้นักแสดงนำอย่างยูอาอินมาและพักชินฮเยแสดงในเรื่องนี้ด้วย เรื่องนี้เป็นการเล่าเรื่องราวของหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่ต้องการมีชีวิตรอดจากฝูงซอมบี้ที่เเพร่ระบาดไปทั่วเมือง ซึ่งจะเป็นอย่างไรไปเอาใจช่วยพวกเขากันได้เลยที่ดูหนังออนไลน์ และสามารถรับชมความสนุกอีกมากมายได้ที่ ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022
ข้อมูลทั่วไป alive ภาพยนตร์ระทึกขวัญ น่าติดตาม
รีวิว alive หนังซอมบี้เกาหลี ที่ได้รับความนิยม แม้ว่าผู้กำกับ อิลโช จะเพิ่งได้เปิดตัวกับหนังยาวเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกก็ตาม แต่ก็ได้นักแสดงรุ่นใหม่ฝีมือเยี่ยมที่เคยผ่านงานหนังของผู้กำกับเทพแห่งเกาหลี อีชางดง อย่าง Burning มาแล้ว อย่าง ยูอาอิน มาประกบคู่กับดาราสาวที่มีผลงานคุ้นหน้าจากซีรีส์ Memories of the Alhambra ทางเน็ตฟลิกซ์ หนังใหม่อย่าง พักชินฮเย ก็เป็นแม่เหล็กสำคัญที่เสริมกับพลอตหนังที่ว่าด้วยเด็กหนุ่มติดอยู่ในห้องตนเองขณะที่โลกภายนอกกำลังโกลาหลใหญ่ ให้ยิ่งน่าสนใจขึ้นไปอีก
Alive อีกหนึ่งภาพยนตร์ที่เกาะกระแส asset ใหม่ ‘ซอมบี้สัญชาติเกาหลี’ (K-ZOMBIE) ซึ่งกลายเป็นของเด่นของดังให้งานบันเทิงเกาหลีผงาดขึ้นเรียกความสนใจจากทั่วโลก ทั้งๆที่ผีดิบซอมบี้มีมานานแล้วจากฟากบันเทิงตะวันตก แต่เหมือนการกลายพันธุ์แตกยีนใหม่ที่ต่างรูปลักษณ์ต่างอรรถรส มีเสน่ห์โดนใจ หลังการกำเนิดครั้งแรกอย่างฮือฮาจาก Train to Busan
และการเลี้ยงกระแสตามมาของ Ramphant, Kingdom, Peninsula และอีกบางเรื่องที่หยิบไปดัดแปลงใช้เป็นกิมมิคบ้าง ก็คงอาจจะดูจืดๆไปบ้างถ้าจะเจอหนังซอมบี้มาขายซ้ำในวิถีเดิมๆอีก
แต่ #ALIVE มีมุมน่าสนใจในการหยิบซอมบี้เกาหลีมาเป็นบทสำคัญในการสร้างเรื่องราวการเผชิญหน้าจัดการปัญหา และการเติบโตทางความคิดของเด็กหนุ่มธรรมดาๆในสังคมคนหนึ่ง เด็กหนุ่มที่แอคทีฟเก่งกล้าเป็น somebody ในโลกเกมออนไลน์ แต่การไฟต์ติงเพื่อรอดในชีวิตจริงแบบเป็น nobody ไม่ประสีประสาทักษะชีวิตอื่นๆ
ก็เป็นอีกเรื่องที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะเจอ ถึงคราวเจอก็ออกจะอยากมองข้ามด้วยซ้ำ อยากทิ้งให้เป็นปัญหาของผู้ใหญ่ของสังคมด้วยมุมมองของเด็กติดเกมที่มักไม่สนใจเรื่องใดๆรอบตัวอยู่แล้ว แม้แต่คำพูดของแม่เตือนให้ไปเรียนไปซื้อของกินยังถูกละเลยเสมอ
เรื่องย่อ alive
โอจุนอู เกมเมอร์หนุ่มที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในอพาร์ทเม้นต์ต้องมาดวงซวยเพราะเกิดเหตุการณ์ที่คนทั้งเมืองเป็นซอมบี้เกาหลีกันหมด ทางเดียวที่ทำได้คือเอาตัวรอดไม่ออกจากห้องของตัวเอง จนระยะเวลาผ่านไป เสบียงรอดชีวิตและปัจจัยการเอาตัวรอดที่จำเป็นเริ่มไม่เหลือ โอจุนอูได้พบกับ คิมยูบิน หญิงสาวผู้อาศัยอยู่อพาร์ทเม้นต์อีกฟากหนึ่ง ทั้งสองจึงร่วมมือกันเอาชีวิตรอด เพื่อหลบหนีจากฝูงซอมบี้ระบาดนี้
นักแสดงในเรื่องนี้
โอจุนอู (รับบทโดย ยูอาอิน ผลงาน) เด็กวัยรุ่นที่อาศัยอยู่ในบ้านอพาร์ตเมนต์ กับพ่อแม่และพี่สาว เขามักโดดเรียนประจำ เพราะติดเกม ตื่นสายและเอาแต่ฝังตัวอยู่ในห้องเล่นเกมช่ำชองจนมีเพื่อนในเกมออนไลน์เยอะแยะ วันหนึ่งที่เขาตื่นมาลำพังในบ้าน แล้วพบกับความโกลาหลรอบอพาร์ตเมนต์ที่อาศัยอยู่ เพราะมีฝูงซอมบี้วิ่งไล่กัดผู้คน ซึ่งพากันวิ่งหนีอย่างแตกตื่นทั้งด้านนอกและในอาคารทั่วบริเวณละแวกบ้าน
จากข่าวรายงานว่า อาการซอมบี้ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนนี้ เป็นที่ถกเถียงจนเชื่อว่าคือโรคติดเชื้อจากไวรัส (ช่างดูเข้ากับบรรยากาศโควิด-19 ระบาดเลย) ที่เข้าสู่สมองอย่างรวดเร็ว ทำให้คนเราเปลี่ยนไปมีพฤติกรรมความรุนแรง หิวโหยไล่กัดกินเนื้อคน คนถูกกัดก็จะติดเชื้อออกอาการซอมบี้ ลามระบาดกันต่อๆไป เบื้องต้นทางการก็ได้แต่เตือนให้ประชาชนอยู่ในบ้านเพื่อความปลอดภัย หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้หรือสัมผัสผู้คนที่ติดเชื้อ ใครๆก็ไว้วางใจไม่ได้ แต่ถ้าต้องหลบตัวเงียบๆอย่างหวาดระแวงอยู่อย่างนี้ต่อเนื่องนานหลายๆวัน หรือเป็นเดือน ชีวิตจะเป็นอย่างไร คงไม่ง่ายหรอก
ไม่เพียงความ ‘โดดเดี่ยวลำพัง’ (ตามชื่อหนังเดิมว่า #Alone) ที่เขากำลังเผชิญเองคนเดียว แต่ยังโดนซ้ำเติมด้วยการถูกตัดขาดการสื่อสาร อินเตอร์เน็ต น้ำไฟ สำหรับคนยุคนี้ก็คงเปรียบเหมือนการขาดแขนขา ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ไปไม่เป็นกันเลยเชียว
ยูบิน (รับบทโดย พัคชินฮเย ผลงาน) เป็นหญิงสาวอีกคนที่ยังรอดพ้นจากการติดเชื้อ และยังหลบอยู่ในบ้านอพาร์ตเมนต์ฝั่งตรงข้ามกับจุนอูโดยลำพังเช่นกัน ซึ่งจุนอูเพิ่งมาพบเห็นเธอภายหลังจากที่ตัวเองผจญภัยกับซอมบี้ไปอย่างทุลักทุเล จนจวนจะสิ้นสุดความอดทนกับการต่อสู้เพียงลำพังไปซะละ ยูบินจะมาเป็นทั้ง ‘ตัวช่วย’ และ ‘เพื่อน’ คนใหม่ คนเดียวที่มีค่ามากสำหรับจุนอู การได้พบกับยูบิน เหมือนได้แรงบันดาลใจและความหวังที่จะผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายนี้ไปด้วยกันให้ได้ และจะเป็นจุดเปลี่ยนแปลงชีวิตเขา
ยูอาอิน และ พัคชินฮเย สองนักแสดงคุณภาพ
ด้วยความที่หนังซอมบี้เกาหลีเรื่องนี้ ดำเนินด้วยตัวละครแค่ 2 ตัว การได้นักแสดงเจ้าบทบาททั้งสองคนอย่าง ยูอาอิน นักแสดงหนุ่มมาดกวนจาก Vetaran และพัคชินฮเย นักแสดงสาวจาก Memories of Alahmbra ที่แบกและถ่ายทอดเรื่องราวการเอาชีวิตรอดสุดกดดันนี้ได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะพัคชินฮเยที่พลิกบทบาทจากสาวหวานมากลายเป็นสาวสุดห้าวที่ต้องลงทุนเล่นฉากแอ็คชั่นเอง ทั้งการกระโดด การสู้กับซอมบี้ ที่เรียกว่าสมจริง สมบทบาทสุด ๆ
เรียกได้ว่า หนังเรื่องนี้จะโฟกัสโมเมนท์การเผชิญหน้ากับปัญหาและเอาชีวิตให้รอดพ้นจากอันตรายของซอมบี้ หนังลดทอนรายละเอียดบริบทอื่นๆออกไป และจะดำเนินเรื่องให้เราเห็นพัฒนาการของตัวละครจุนอูที่ค่อยๆเปลี่ยนไป ทั้งการมองปัญหา การเรียนรู้วิธีการเอาชีวิตรอด และความคิดการตัดสินใจ แซมด้วยฉากแอคชันตื่นเต้นลุ้นหวาดเสียวบ้างเป็นครั้งคราว ฉากกดดันความรู้สึก ชวนอึดอัด หรือแม้กระทั่งความหดหู่สิ้นหวัง ซึ่งก็ยังมีสลับหยอดความหวังมาชูใจบ้าง ให้คนดูคอยตามติดลุ้นกลับไปกลับมาว่า เขาจะปลอดภัยได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ เพราะไม่เพียงต้องสู้กับซอมบี้ แต่ต้องสู้กับความกลัว สู้กับใจตัวเองด้วย
ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้
รีวิว alive หนังซอมบี้เกาหลี ที่ได้รับความนิยม จริง ๆ ความเจ๋งของหนังซอมบี้เกาหลีเรื่องนี้คือ การเซ็ตเรื่องราวให้เกิดขึ้นในห้อง แบบสถานการณ์ที่ตัวละครเป็นหนูติดจั่น ออกข้างนอกห้องลำบากเพราะมีฝูงซอมบี้รายล้อม ในขณะที่สถานการณ์ในห้องก็บีบบังคับเหมือนห้องกับดักที่มีน้ำเอ่อสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างกับในหนังผจญภัย เพราะเริ่มที่เสบียงมีจำกัดซ้ำร้ายยังเกิดเรื่องราวให้เสบียงหดหายไปไวขึ้นอีก
จากนั้นการรับรู้สถานการณ์ต่าง ๆ ก็ค่อย ๆ ถูกตัดทอนลงเรื่อย ๆ เหมือนคนที่ถูกปิดผัสสะต่าง ๆ ทีละอย่าง ตั้งแต่ ห้ามส่งเสียงดัง สัญญาณมือถือที่ขาดหาย จากนั้นก็เริ่มลามไปสู่อินเทอร์เน็ต โทรทัศน์ จนในที่สุดก็แทบไม่รู้อะไรโลกภายนอกอีกเลย ตัวละครต้องประยุกต์ใช้สิ่งที่ตัวเองมีเอาตัวรอด และเป็นหนังที่ตัวละครใช้ประโยชน์จากโดรนได้คุ้มค่ามากเรื่องหนึ่ง
และด้วยเวลาที่บีบให้ตัวเอกต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะอดตาย เขาก็ได้พบกับผู้รอดชีวิตอีกคนที่อยู่อีกฝั่งตรงข้าม ก็ทำให้หนังเล่นสถานการณ์ต่อเนื่องไปได้อีกขยัก ทว่าจุดที่น่าเสียดายก็มาจากตรงที่หนังเริ่มทิ้งไอเดียเรื่องการเอาตัวรอดในห้องปิดตายไปนี่เอง การถูกปิดตาปิดหูปิดโลกภายนอกที่อุตส่าห์สร้างมาได้น่าสนใจ ก็ยังขยี้ใช้ได้ไม่เต็มที่ดี
ซึ่งปัญหานี้ในองก์ต่อมาที่พระเอกเจอนางเอกแล้วก็ทวีความน่าเป็นห่วงขึ้นไปอีก เพราะหนังต้องไปเล่นท่าประหลาดจากหนังเอาตัวรอดกลายเป็นหนังบู๊ 1 ต่อ 100 ที่ดูเกินจะเชื่อ ทั้งการออกแบบฉากหนีตายพร้อมสู้กับฝูงซอมบี้ก็ดูไม่ค่อยหนักแน่นลงตัวนัก ความเชื่อถือต่อหนังเลยยิ่งอ่อนแอลงไปอีก นี่ยังไม่นับสภาพว่าคนที่ติดอยู่ในห้องเป็นเดือน ๆ (นึกภาพคนกักตัวอยู่บ้านช่วงโควิด-19 ที่แย่กว่าตรงที่ไม่มีอาหารดี ๆ มากพอเต็มมื้อมาเสิร์ฟเรื่อย ๆ) แล้วจะยังดูไม่ค่อยอิดโรย แถมยังแข็งแรงฟิตเปรี๊ยะได้ขนาดนั้นอีก
ทว่าในความที่คิดแบบฉากต่อไปจะเป็นอะไรได้อีก ไปเรื่อย ๆ ที่อาจสร้างรูโหว่ในบท และการเปลี่ยนแนวหนังไปเรื่อย ๆ ถึง 3 ครั้งจากเอาตัวรอดห้องปิดตาย เป็นบู๊ระห่ำเพื่อช่วยเธอ จนไปถึงองก์ท้ายที่กลายเป็นดราม่าเขย่าขวัญจิตวิทยา ที่ทำให้หนังไม่ค่อยเป็นหนึ่งเดียวกันนัก และกราฟความมันก็ไม่ค่อยไต่ได้ดีนักในองก์ท้าย
อย่างไรก็ดีหนังก็วางตัวเป็นหนังซอมบี้ที่ดูง่ายเข้าใจง่ายไม่ซับซ้อนมาก เหมาะกับการดูเพื่อพักผ่อนเอาสนุกเอามันแบบไม่เครียดจัดเกินไป ซึ่งอาจเป็นข้อดีที่พอให้อภัยจากการที่มันไม่ได้ฉายโรงและลงสตรีมมิงทันที และว่ากันแบบแฟร์ ๆ ในความไม่คงที่ของหนัง ก็ยังดูกลมดูอิ่มดูพอเป็นไปได้มากกว่าภาคต่อของ train to busan netflix อยู่หลายขุมอยู่
หนังมีนัยในการสื่อการย้ายโลกทัศน์ของเขาออกจากจอคอมหรือเกมซึ่งมีเพื่อนๆเยอะก็จริง ออกมาเจอเพื่อนใหม่ในโลกจริงออฟไลน์ ที่แม้จะมีแค่คนเดียวในสถานการณ์วิกฤตนี้ ก็สุดแสนจะมีค่า แต่ในขณะเดียวกันก็สะท้อนมุมดีๆอีกด้านของสื่อโซเชียลในโลกยุคดิจิตอล ที่เหมือนลมหายใจเข้าออกของคนยุคนี้ ให้มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้คนรอดตายหายใจได้ต่อไป
หนังซอมบี้ที่สอนวิธีเอาตัวรอด ผลงานหนังซอมบี้ที่ออกฉายครั้งแรกหลังเหตุการณ์ COVID-19 คลายลง ซึ่งสามารถสร้างยอดผู้ชมได้สูงสุดในปี 2020 ภายในระยะเวลา 5 วัน โดยตัวหนังใช้เนื้อหาในยุคสมัยของผู้คนปัจจุบัน บวกกับการเล่าเรื่องผ่านตัวละครหลักเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น ซึ่งทำให้สามารถจดจำและโฟกัสที่ตัวละครทั้งสองคนได้เป็นอย่างดี
สรุปโดยรวมของเรื่อง alive
โดยสรุป จึงเป็นความสนุกในแบบที่ต้องไม่ตั้งความคาดหวังแอคชันกระหน่ำ หรือทริลลิงสุดระทึก หรือเรื่องราวที่มาที่ไปมากมาย แบบหนังซอมบี้อื่นๆที่เคยชมมา เพราะหนังซอมบี้เกาหลีเรื่องนี้คงตั้งใจให้ผู้ชมโฟกัสกันไปที่ how to be alive ทั้งความหมายตรงตามตัวอักษร (literally) และ ความหมายนัยที่แฝงไว้เป็นสาระให้เอาไปคิดต่อ
การใช้ยุคสมัยปัจจุบันมาบวกกับเรื่องของซอมบี้ระบาด แถมสอดแทรกการเอาตัวรอดที่น่าลองไปทำ บวกกับความกดดันและระทึกที่ชวนลุ้นอยู่บ้าง #Alive จึงอยู่ในเส้นมาตรฐานของหนังซอมบี้เกาหลีที่ยอมรับและดูสนุกอีกเรื่องหนึ่ง หากเป็นคนที่เคยผ่าน Train to Busan หรือ kingdom netflix มาก่อน หนังเรื่องนี้ก็ดูได้ไม่ยาก แถมเพลินและสนุกจนอาจจะเป็นหนึ่งในหนังซอมบี้ที่คุณชอบก็ได้ หาดูกันได้แล้ววันนี้บน netflix original