รีวิว all of us are dead ซีรีย์เกาหลี น่าลุ้น วันนี้ดูหนังออนไลน์มาอยู่กันซีรีย์เกาหลีแนวระทึกขวัญอย่างเรื่อง all of us are dead มัธยมซอมบี้ เป็น Netflix Original Series ที่ติดอันดับ Netflix top 10 ใน 91 ประเทศทั่วโลกหลังจากออกฉาย ด้วยเรื่องราวที่สนุกชวนลุ้น ซึ่งมีทั้งการหนีตาย ความรักวัยรุ่น ปมปัญหาชีวิตของแต่ละตัวละคร เราทุกคนจะตายกันหมด ไม่มีหวังแล้ว โรงเรียนกลายเป็นสมรภูมิเลือดและเพื่อนของเรากลายเป็นศัตรูที่เลวร้ายที่สุด แล้วใครจะหนีรอดออกไปได้ จะฆ่าหรือจะยอมถูกฆ่า โรงเรียนปิดแล้วเนื่องในวันล้างโลก เหตุการณ์จะเป็นยังไงไปติดตามกันได้เลย อยากจะแนะนำดูหนังออนไลน์ฟรี 2022 อีกมากมายได้เลย

ข้อมูล all of us are dead ซีรีย์เกาหลี netflix สนุกๆ

รีวิว all of us are dead ซีรีย์เกาหลี น่าลุ้น ‘All of Us Are Dead’ หรือ ‘มัธยมซอมบี้พากย์ไทย’ เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่น่าจับตามองของเน็ตฟลิกซ์เกาหลี ด้วยองค์ประกอบที่การันตีความนิยมอย่างเช่นรุ่นพี่ที่มีมาก่อนหน้า ทั้งเป็นการใช้ภาพจำซอมบี้กายกรรมที่วิ่งเร็วบ้าคลั่ง (และชอบบิดตัวรวมถึงทำสะพานโค้งอันเป็นเอกลักษณ์)

 

ที่ต้องยอมรับว่าเกาหลีทำซอมบี้แนวนี้จนกลายเป็นของตนเองได้แข็งแรงมากทั้งที่ไม่ใช่คนต้นคิดด้วยซ้ำ จากทั้งหนังอย่าง ‘Train to Busan’ (2016) หรือซีรีส์ ‘Kingdom’ (2019-2021) ซีรีส์เกาหลีเรื่องนี้ก็มาตอกย้ำภาพให้แข็งแรงขึ้นอีก

 

ทั้งยังเป็นการนำเนื้อหามาจากเว็บตูนผลงานของ จูดองกึน (Joo Dong-geun) ที่ฉบับภาษาไทยใช้ชื่อว่า ‘ตอนนี้ โรงเรียนของเรา..’ ซึ่งมีฐานแฟนการันตีความนิยมมาก่อนแล้ว คล้ายกับซีรีส์ ‘Sweet Home’ (2020) หรือ ‘Hellbound’ (2021) ที่ต่างเรียกกระแสความสนใจได้มากตั้งแต่แรกเช่นกัน

 

เอาจริงแค่ที่ว่ามาก็พอแล้วในการสร้างความอยากดูโดยไม่ต้องไปใช้ดารานักแสดงดัง ๆ เลย ทำให้ซีรีส์กล้าลองใช้นักแสดงวัยรุ่นอัดเต็มพิกัดแบบยกให้แบกเรื่องได้ ทั้งดัน พักจีฮู (Park Ji-Hoo) ที่เคยมีผลงานในเน็ตฟลิกซ์ หนังใหม่

 

และรับบทนำในหนังมากรางวัลอย่าง ‘House of Hummingbird’ (2018) มารับบท อนโจ ประกบกับ ยุนชานยอง (Yoon Chan-Young) ในบท ชองซาน ที่พอบอกได้ว่าเป็นคู่นำหลัก 1 ใน 2 คู่เลยก็ว่าได้ ในขณะที่ฝั่งผู้ใหญ่ก็ไม่ได้เน้นนักแสดงเบอร์ใหญ่แต่ใช้ดาราที่มีฝีมือเคยผ่านงานหนังและซีรีส์มาเล่นช่วยประคองเรื่องราวในพาร์ตฝั่งพ่อแม่ผู้ปกครองและฝั่งการเมืองการทหารได้ลงตัว

รีวิว all of us are dead ซีรีย์เกาหลี น่าลุ้น

เนื้อหาของหนัง

เนื้อหาของ ‘All of Us Are Dead’ มัธยมซอมบี้ ก็ตรงกับชื่อเรื่อง คือเป็นเรื่องราวของนักเรียนในโรงเรียนมัธยมปลาย ที่ต้องหนีจากเพื่อนที่กลายเป็นซอมบี้หลังจากมีนักเรียนผู้ติดเชื้อคนที่หนึ่งโดนหนูในห้องวิทยาศาสตร์กัดทำให้มีการแพร่เชื้อในโรงเรียนไปจนถึงนอกโรงเรียน ทำให้ผู้ที่เหลืออยู่ต้องหาทางเอาตัวรอดเมื่อไม่มีโทรศัพท์ หรือแม้แต่อาหาร และผู้ใหญ่ไม่สามารถเป็นที่พึ่งของพวกเขาได้เลย และผู้ชมก็ต้องคอยลุ้นว่าพวกเขาจะผ่านปัญหาเหล่านี้ไปได้อย่างไร

รีวิว all of us are dead ซีรีย์เกาหลี น่าลุ้น

กระแสตอบรับจากผู้ชม

เมื่อซีรีส์เกาหลีออกฉากมีหลายเสียงใน social media ที่ได้พูดถึงการที่องค์ประกอบบางอย่างในซีรีส์ชวนนึกถึงเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเรือเซวอล และเมื่อเราคิดกลับไปและอ่านข้อมูลเพิ่มเติม ก็ยิ่งทำให้เห็นภาพสะท้อนนั้นชัดเจนขึ้นในเหตุการณ์และตัวละคร อย่างครู และ ผู้ใหญ่ที่ทอดทิ้งเยาวชนเพื่อประโยชน์ส่วนตน ไปจนถึงริบบิ้นที่ใช้ไว้อาลัย ซึ่งอาจจะกำลังสะท้อนให้เห็นว่าทั้งสองโศกนาฏกรรมมีเหตุมาจากเรื่องเดียวกันคือ

 

ผลประโยชน์และความเห็นแก่ตัวที่มาก่อนชีวิตเยาวชน การเลือกให้จุดเริ่มต้นของเรื่องที่ทุกคนในเมืองกลายเป็นซอมบี้เกาหลีเกิดขึ้นจากเรื่องที่ดูเหมือนจะเล็ก ๆ ที่ผู้ที่อยู่ในอำนาจมองข้าม ซุกไว้ใต้พรมเพื่อรักษาหน้าและตำแหน่งของตัวเอง คล้ายกับเหตุการณ์เรือเซวอลล่มตรงที่มันเริ่มต้นมาจากความเพิกเฉยเช่นกัน เริ่มมาตั้งแต่การผ่านใบอนุญาตทั้งที่เรือได้ถูกนำมาดัดแปลงอย่างผิดกฎหมาย

 

เพื่อสามารถขนส่งสินค้าได้มากขึ้น และก็เรือไม่ได้รับการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดอีกด้วย ความเพิกเฉยที่เป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมเรือเซวอลก็เหมือนกับที่ตอนครูวิทยศาสตร์พยายามเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกของตนที่โดนทำร้าย แต่กลับโดนเมิน หลายคนมองว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เรื่องที่ถูกมองว่าเป็นปัญหาเล็กน้อยกลับส่งผลมหาศาล

 

ตัวละครครูใหญ่ที่ห้ามไม่ให้แจ้งบุคคลภายนอกตั้งแต่เหตุการณ์เริ่มและให้นักเรียนกลับไปอยู่ในห้องเรียน ซ้ำหลังจากที่เหตุการณ์บานปลายเกินควบคุม เขายังสั่งให้นักเรียนเสี่ยงไปเอารถเพื่อให้เขาหนี ก็ชวนให้นึกถึงเหตุการณ์ในเรือเซวอลที่ทั้งที่มีเวลาที่จะอพยพผู้โดยสารออกมาได้แต่กัปตันเรือก็ไม่ได้สั่งให้อพยพ จนมีนักเรียนมากมายที่รอคำสั่งต้องเสียชีวิตอย่างน่าเศร้า

 

และถึงแม้จะมีการอ้างว่าระบบกระจายเสียงเสีย แต่การที่กัปตันและลูกเรือหนีเอาตัวรอดออกมาก่อนเป็นกลุ่มแรก โดยไม่เตือนแม้แต่นักเรียนที่อยู่ชั้นบนและเพื่อนร่วมงานที่อยู่ในห้องซึ่งพวกเขาต้องเดินผ่านก่อนหนีออกจากเรือ ก็สะท้อนให้เห็นการละทิ้งหน้าที่ความเห็นแก่ตัวถึงขีดสุดของผู้นำที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทุกอย่างมาถึงจุดนี้ เช่นเดียวกับในซีรีส์เกาหลี

 

ครูผู้สละตน แต่ในหมู่ผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัวก็ยังมีครูที่สละตน ในเรือเซวอลมีครูหลายคนที่ทำหน้าทีจนวินาทีสุดท้ายจนร่างของพวกเขาจมหายไปโดยหลายคนไม่ได้หวนคืนจากทะเลจนทุกวันนี้ เช่นเดียวกับครูพัคในเรื่องที่สละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยเหลือนักเรียน

 

ความล่าช้าของทางการและการละทิ้งเยาวชน ในซีรีส์เกาหลีเหล่านักเรียนได้พยายามติดต่อขอความช่วยเหลือทุกทาง แต่ก็ไม่มีใครตอบรับ หรือมีหลายครั้งที่มีคนเข้ามาช่วยเหลือแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจทิ้งพวกเขาด้วยเหตุผลต่าง ๆ อาจจะกำลังสะท้อนความล่าช้าของทางการที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากกว่าทีควรของเหตุการณ์บนเรือเซวอล

 

เช่นการที่หน่วยยามชายฝั่งไม่ได้พร้อมให้ความช่วยเหลือทันที จนผ่านโกลเด้นไทม์หรือช่วงนาทีทองที่ผู้ประสพภัยจะมีสิทธิ์รอดชีวิตมากที่สุดไป หรือการที่ยามชายฝั่งเลือกช่วยแต่นักเรียนที่กระโดดลงมาในน้ำจนมีเสียงวิพากย์วิจารณ์จากทั้งประชาชนและผู้รอดชีวิตถึงการช่วยเหลือที่ล่าช้าและทำไม่เต็มที่

 

ทำให้มีหลายคนที่เชื่อคำสั่งแรกให้รอความช่วยเหลือจมไปพร้อมเรือ เช่น ผู้รอดชีวิตด้วยการกู้ภัยทางเฮลิคอปเตอร์ ที่ออกมาพูดว่าหากมีแค่สักคนหย่อนเชือกไปให้เด็กที่ติดอยู่ในเรือเกาะปีนออกมาคงจะมีผู้รอดชีวิตมากกว่านี้ ก็ชวนในนึกถึงฉากที่มีเฮลิคอปเตอร์เข้ามาถึงโรงเรียน แต่กลับทิ้งกลุ่มนักเรียนไว้เพราะกลัวการติดเชื้อ เหตุการณ์ในเรื่องมีผู้เสียชีวิตเป็นนักเรียนมากมาย เช่นเดียวกับเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเรือเซวอลมีผู้เสียชีวิต 250 จาก 304 คน ที่เป็นนักเรียนมัธยม

 

ข้อความสุดท้าย และริบบิ้นไว้อาลัยสีเหลือง วิดีโอที่นักเรียนอัดกันและริบบิ้นสีเหลืองที่ผูกไว้เพื่อไว้อาลัยในเรื่อง ก็ชวนให้นึกถึงเหตุการณ์จริงที่นักเรียนอัดข้อความสุดท้ายไว้ก่อนจะเสียชีวิตในเรือ และริบบิ้นสีเหลืองที่ผูกไว้ข้างรั้วเพื่อระลึกถึงผู้ที่สูญหายและจากไปจากเหตุการณ์ก็พาให้นึกถึงริบบิ้นเหลือที่ถูกผูกไว้ที่รั้วใกล้เรียนมัธยมดาวอนซึ่งเป็นโรงเรียนของเด็ก ๆ

 

ในเหตุการณ์เรือเซวอล ริบบิ้นเหลืองนี้เป็นสัญลักษณ์ของความหวังว่าจะมีผู้รอดชีวิต แต่ความเศร้ากลายเป็นความโกรธแค้น และในภายหลังริบบิ้นเหลืองก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้ในการต่อต้านประธานาธิบดีพัคกึนฮเยทีครองอำนาจอยู่ในขณะนั้น และส่งผลให้เธอโดนเปิดโปง ปลดจากตำแหน่ง และถูกดำเนินคดีในที่สุด

 

ผลกระทบหลังโศกนาฏกรรมและโลกที่ไม่ได้เปลี่ยนไป ในเรื่องเหตุการณ์ค่อย ๆ คลี่คลายไปโดยที่สาเหตุไม่ได้ถูกสอบสวนให้ดีและแน่ชัด เช่นเดียวกับโศกนาฏกรรมเรือเซวอล ที่แม้จะมีการเปิดเผยถึงสาเหตุบางส่วน และมีผู้ที่เกี่ยวข้องถูกลงโทษ แต่เหมือนจะไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก บทความจาก New York Times เปิดเผยว่าหลังเหตุการณ์มีการตรวจสอบและบทลงโทษที่เข้มงวดขึ้น สำหรับการโกงน้ำหนักคลังสินค้าบนเรือ แต่การตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่

 

และการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่ถูกปฏิเสธด้วยปัญหาด้านค่าใช้จ่าย ทำให้ยังมีของโหว่สำหรับการคอรัปชั่น และมีความเสี่ยงที่จะเกิดโศกนาฏกรรมซ้ำอยู่ นอกจากนี้ยังไม่มีบทลงโทษสำหรับหน่วยงานด้านกู้ภัยที่ทำงานล่าช้าจนมีผู้เสียชีวิต เช่นเดียวกับในซีรีส์ที่ข่าวออกมาบอกว่ายังไม่สามารถสืบหาต้นตอของเชื้อโรคได้ทั้งที่สาเหตุที่แท้จริงแล้วจุดกำเนิดนั้นอยู่ที่ความอ่อนแอของกฎหมายและผู้บังคับใช้อำนาจจนเยาวชนต้องมารับกรรม

 

‘ใครเป็นคนสร้างโลกแบบนี้ล่ะ ถ้าเมินเฉยกับการใช้ความรุนแรงเล็กน้อยสุดท้ายโลกก็จะถูกความรุนแรงครอบงำ ผมเตือนเป็นร้อยหนแล้ว แต่ไม่มีใครฟังเลย’

 

นอกจากการเสียดสีสังคม all of us are dead พากย์ไทย ยังสะท้อนปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโรงเรียนที่ทำให้ชีวิต การเป็นเด็กเกาหลีทรหดไม่แพ้ในหนังซอมบี้ อย่างเรื่องปัญหาการเหยียดชนชั้น ปัญหาท้องในวัยเรียน ความกดดันในการสร้างอนาคตและเข้ามหาวิทยาลัย แต่ประเด็นที่เด่นที่สุดแน่นอนว่าต้องเป็นการการบูลลี่ที่เป็นกระแสในเกาหลีตั้งแต่ครั้งข่าวเรื่องนักวอลเลย์แฝดหญิงใช้ความรุนแรงในโรงเรียน และยังคงเป็นประเด็นที่ผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่องด้วยกระแสแบนดาราเพราะเรื่องการใช้ความรุนแรงในอดีต จนถึงล่าสุดที่มีนักวอลเลย์บอลชาย ‘คิมอินฮยอก’ ฆ่าตัวตายเพราะเสียงวิพากย์วิจารณ์ในอินเตอร์เน็ต

รีวิว all of us are dead ซีรีย์เกาหลี น่าลุ้น

ความรู้สึกหลังดูจบแล้ว

รีวิว all of us are dead ซีรีย์เกาหลี น่าลุ้น ซีรีส์มีความยาวมากถึง 12 ตอน ตอนละเกือบ ๆ 1 ชั่วโมง และปูเรื่องในช่วงแรกได้น่าสนใจดี โดยขยายความจากเรื่องการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียน จนหนึ่งในผู้ปกครองเด็กที่ถูกรังแกทนดูไม่ได้ที่ลูกอยากฆ่าตัวตายมากกว่าอยากจะลุกขึ้นสู้ จึงช่วยเหลือด้วยการฉีดสารกระตุ้นที่สกัดจากหนูทดลองที่จนตรอกให้กับลูกชาย และกลายสภาพเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือธรรมชาติที่เราคุ้นเคยอย่างซอมบี้เกาหลีเพื่อไปล้างแค้นโลกที่มันบิดเบี้ยวนี้

 

จริง ๆ มุมเรื่องตรงนี้น่าสนใจ การถกเถียงและชูปมขัดแย้งเชิงศีลธรรมของตัวละครครูวิทยาศาสตร์และเป็นผู้ปกครองที่มีลูกถูกรังแกอย่าง ครูอี กับตำรวจนั้น เป็นช่วงที่ดูสนุกและจริงจังที่สุดในซีรีส์แล้ว ในขณะที่การแสดงภาพของการกลั่นแกล้งในโรงเรียนจากแก๊งหัวโจกที่แสดงความสัมพันธ์แบบผู้ล่าและเหยื่อในโรงเรียนเองก็ปูได้อย่างเข้มข้น

 

เช่นในฉากที่หนึ่งในกลุ่มตัวเอกอย่าง ซูฮยอก (รับบทโดย พักโซโลมอน (Park Solomon) เข้าไปช่วยเหลือพวกที่โดนรังแกแต่กลายเป็นว่าเหล่าเหยื่อยอมถูกรังแกต่อเพราะกลัวจะโดนหนักข้อขึ้นในคราวหลัง ก็แสดงความเป็นลูกไก่ในกำมือและการปลูกฝังทัศนคติแบบทาสในโรงเรียนได้น่าสนใจ

 

แต่พอซีรีส์เข้าฝั่งเนื้อเรื่องของปมรักหลายเส้าของพวกกลุ่มนักเรียนเพื่อขยายดราม่าให้พัฒนาเรื่องราวไปพร้อมความโกลาหล กลับพบว่าทำได้ไม่ค่อยน่าสนใจนักอาจเพราะตัวละครหลักถูกสร้างมาแบบพวกนิสัยเอื่อยเฉื่อย ไม่ค่อยแสดงออก หรือทื่อซื่อ จนมันขยับดราม่าไม่ค่อยได้มากนัก บางช่วงทำเอานึกถึงซีรีส์นักเรียนจากไต้หวันในแง่ที่ไม่ค่อยพัฒนาเรื่องหลักเลยด้วยซ้ำ

 

และแม้จะมีเวลามากมายในการเล่าเรื่องจนขยายเส้นเรื่องไปได้ทั้งในโรงเรียนและภายนอกโรงเรียน มีตัวละครหลายกลุ่มเข้ามามีส่วนร่วม สามารถปั้นดราม่าหรือฉากที่น่าจดจำได้มากมาย แต่เอาเข้าจริงแล้วมันก็พอจูงเราให้สนุกได้ถึงราวประมาณตอนที่ 5 หรือเกือบครึ่งทางเท่านั้น ก่อนจะเริ่มรู้สึกว่าตัวซีรีส์ไม่ได้พาทิศทางใหม่ ๆ ให้น่าจดจำเลย

 

เมื่อความตื่นตาตื่นใจในเหล่าซอมบี้เริ่มจืดจางเอียนตา (ขนาดว่าช่วงหนึ่งแทบรู้สึกว่าเลิกสะพานโค้งสักทีเถอะ มันออกจะน่าขำมากกว่าแล้ว) และฝั่งดราม่าก็ไม่มีความน่าสนใจมากพอ ภาพรวมของซีรีส์จึงเป็นความรู้สึกว่าใช้เวลาได้ไม่คุ้มค่าในการเล่าเรื่อง และขาดการพัฒนากราฟความสนุกที่ดี กลายเป็นว่ายิ่งดูยิ่งรู้สึกร่วมน้อยลงเรื่อย ๆ

 

และหลายครั้งตัวซีรีส์ใน netflixก็ไม่สามารถก้าวข้ามความน่าหงุดหงิดในการตัดสินใจของตัวละครที่ดูไม่สมจริงในแต่ละสถานการณ์ ความเฉยชาเกินปกติ หรือแม้แต่ลำดับเวลาในเรื่องก็เหมือนจะดูสับสนเมื่อมีการขยายความออกไปนอกพื้นที่โรงเรียน ระดับการรับมือกับเรื่องราวดูไม่ค่อยสมจริงนัก

 

ถ้าไม่มากไปก็ดูน้อยไปในหลายครั้ง รวมถึงการวางกฎของซอมบี้ในเรื่องก็ชวนสับสน ในบางช่วงการติดต่อดูง่ายดายแค่เลือดโดนแผลก็ติด แต่บางช่วงเลือดท่วมใส่หน้าใส่ตาดันไม่ติด หรือการฆ่าซอมบี้เหมือนจะต้องใช้มีดแทงคอเท่านั้นถึงจะตาย แต่บางช่วงยิงหัวก็ตายได้ หาความแน่นอนไม่ได้

 

ปัญหาหลัก ๆ หนึ่งที่สำคัญมากคือซีรีส์ขาดตัวร้ายที่ดีพอ แม้ปมเรื่องการกลั่นแกล้งที่ถูกปูพื้นและเตรียมขยายความมาอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ในขณะเดียวกันฝั่งตัวละครสีเทาอย่างเด็กนักเรียนหญิงที่เป็นเหยื่อที่ถูกกลั่นแกล้งอย่างหนักและก็ได้ความสามารถมาเช่นกันในภายหลัง กลับมีเส้นเรื่องในการล้างแค้นแบบเรียบมาก ๆ ทั้งที่การดึงตัวละครนี้ไปฟาดฟันกับตัวร้ายหลักหรือกลุ่มตัวเอกแล้วเกิดสงคราม 3 ฝ่ายเป็นอะไรที่ผู้ชมน่าจะความสะใจและยกระดับซีรีส์ได้มาก แต่ซีรีส์ก็เลือกการเดินเรื่องที่มันไม่ค่อยสนุกแทนอย่างน่าเสียดายเหมือนไม่รู้ว่าคนดูอยากดูอะไร

สรุปโดยรวม

สรุปแล้ว ‘All of Us Are Dead’ เป็นซีรีส์ใน netflixที่เอามาแก้ขัดช่วงที่ขาดหนังหรือซีรีส์แนวซอมบี้เกาหลีได้บ้าง แต่ยังขาดเอกลักษณ์ที่น่าจดจำ บางตัวละครและหลายฉากมีกลิ่นอายของการลอกงานหนังหรือซีรีส์ก่อนหน้าในแนวนี้มาชัดเกินไปเช่นตัวละคร นัมรา (รับบทโดย โชอีฮยอน (Cho Yi-Hyun) ที่แทบจะเอาคาแรกเตอร์ ฮิโรมิ ใน ‘I Am a Hero’ (2015) มาใช้เลยก็ว่าได้ และจะว่าไปเมื่อเทียบกับหนังที่สนุกกลาง ๆ พอกันอย่าง ‘#Alive’ (2020) หนังเรื่องนั้นก็ยังมีอะไรให้น่าจดจำมากกว่าเสียอีก

 

จุดเด่นและจุดสังเกต

องค์ประกอบที่รับประกันความน่ารับชมทั้งเรื่องซอมบี้เกาหลีที่มาแรง เรื่องราวเกิดในโรงเรียน และมีต้นธารจากเว็บตูน ใช้นักแสดงดาวรุ่งหลายคนแปลกตาดี การแต่งหน้าซอมบี้และโปรดักชันทำได้ค่อนข้างดี

 

ยังวางเส้นเรื่องได้ไม่ค่อยสวยนัก ช่วงที่น่าจะสนุกกลับไม่ค่อยสุด มีความสับสนในการวางกฎซอมบี้ในเรื่องทั้งเรื่องวิธีติดต่อและวิธีฆ่าที่ไม่แน่นอน น่าสนใจว่าซอมบี้แบบแอ่นตัวทำสะพานโค้งจะทำเรารู้สึกกลัวได้อีกนานแค่ไหนเพราะตอนนี้เริ่มเอียนแล้วเหมือนกัน