รีวิว happiness ซีรีย์เกาหลีระทึกขวัญ สนุกๆ มาพบกับซีรีย์เกาหลีอย่าง happiness เป็นซีรีส์แนวระทึกขวัญที่คุณไม่ควรพลาดที่ดูหนังออนไลน์ ได้นักแสดงนำอย่างฮันฮโยจูและพัคฮยองชิก โดยเนื้อเรื่องจะกล่าวถึงหลังจากไวรัสโควิด-19 อยู่ในช่วงสงบ ผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติในรูปแบบ New normal ทุกอย่างเริ่มเหมือนจะค่อย ๆ ดีขึ้น ก็ดันมาเกิดโรคประหลาดขึ้นจากยาที่มีชื่อว่า เน็กซ์ ยารักษาอาการอักเสบผ่านช่องปากที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยถูกนำมาขายแบบผิดกฎหมาย มันทำให้คนกัดคน มีภาวะคุมคลั่ง และมีลักษณะคล้ายซอมบี้ กระหายน้ำ พอร่างกายเปลี่ยนแปลงจากปกติเป็นซอมบี้ จะมีอาการกึ่งหลับกึ่งตื่นเหมือนตัวเองกำลังฝัน เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปอย่าพลาดที่จะรับชมเรื่องนี้กันนะและอีกมากมายได้เลยที่ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022
ข้อมูลทั่วไป happiness ซีรีย์เกาหลีน่าดู มากๆ
รีวิว happiness ซีรีย์เกาหลีระทึกขวัญ สนุกๆ happiness เป็นซีรีส์เกาหลีอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ยอมตกขบวนซีรีส์แนวซอมบี้เกาหลีด้วยเช่นกัน อันที่จริง ใครที่เป็นคอซีรีส์เกาหลีน่าจะคุ้น ๆ อยู่แล้วแหละ เพราะสามารถหาดูได้ในหลายแพลตฟอร์ม
ทั้งอ้ายฉีอี้ (iQiyi) วิว (VIU) วีทีวี (WeTV) และล่าสุดก็มาลงใน Netflix แบบรวดเดียวจบ 12 ตอนด้วย จนกลายเป็นซีรีส์ที่ติดอันดับยอดคนดู Top 10 หลังจากลงได้ไม่นาน ใครที่ถนัดแพลตฟอร์มไหน ก็สามารถหาชมได้ตามสะดวกนะ
ได้รับแรงบัลดาลใจจากโรคโควิด-19 ถ้าว่ากันแบบง่าย ๆ ก็คือ ผู้เขียนบทหยิบเอาแรงบันดาลใจจากโรคโควิด-19 ในปัจจุบันมาแต่งเรื่องนี่แหละครับ ซึ่งเรื่องที่ต้องชื่นชมอย่างแรกก็คือ การที่ผู้เขียนบทสามารถเอาบริบทต่าง ๆ
ที่เกี่ยวกับความยากลำบากในโลกยุคโรคระบาด (ที่กำลังเกิดขึ้นจริงในโลกยุคนี้) รวมถึงวิถีชีวิตในแบบ New Normal ที่ในอีกมุมหนึ่ง มันก็เป็นตัวพรากความสุขบางอย่างของคนเราไป โดยเฉพาะความทุกข์ที่ไม่สามารถทำหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตได้อย่างปกติสุข และในบางครั้งก็บังคับให้เราทำสิ่งที่ไม่ควรทำเพื่อคืนความสุขให้ตัวเองและคนรอบข้าง
เนื้อเรื่อง happiness
แม้ตัวซีรีส์เกาหลีเองจะเปิดหน้าหนังว่ามีซอมบี้ แต่ผู้เขียนเองก็ต้องกาดอกจันเอาไว้ก่อนว่า อย่าคาดหวังว่าซีรีส์เรื่องนี้จะมีซอมบี้แอ็กชัน หรือแนวเอาตัวรอดจากซอมบี้เกาหลี (Zombie-survival) อะไรแบบนั้นเชียวนะ
เพราะแม้ใน Synopsis ของซีรีส์จะระบุว่ามีซอมบี้ แต่ที่จริงซอมบี้ในซีรีส์เรื่องนี้ กลับเป็นตัวแทนเรื่องราวการระบาดของโรคอุบัติใหม่ที่เรียกว่า ‘โรคคนคลั่ง’ ต่างหาก สำหรับคอหนังซอมบี้สับตีนแตก อาจรู้สึกว่าซีรีส์เรื่องนี้โคตรไม่ตรงปก
โรคคนคลั่งเกิดจากไวรัสบางอย่างที่มีสาเหตุจากยารักษาอาการปอดอักเสบ ‘เน็กซ์’ (Next) อันเป็นผลจากการวิจัยยารักษาโรคโควิด-19 เน็กซ์กลายเป็นยาผิดกฎหมายเพราะผลข้างเคียงของยาคือ คนที่กินจะมีอาการคุ้มคลั่ง สติหลุด กระหายน้ำอย่างรุนแรง
และมักบุกไปกัดที่คอของคนเพื่อกินเลือด เหยื่อที่ถูกกัดคอหรือถูกข่วนก็จะติดไวรัสต่อ ๆ กันไปคล้ายกับซอมบี้ ต่างกันที่โรคคนคลั่งจะเป็น ๆ หาย ๆ และไม่ได้สมองตายแบบซอมบี้ แม้จะผิดกฎหมาย แต่นายทุนยาก็ยังลักลอบเข้ามาขาย เพราะความเชื่อผิด ๆ ที่ว่า ตัวยาจะช่วยทำให้มีสมาธิและตื่นตัว
ส่วนเรื่องราวเล่าเรื่องในอนาคตหลังการระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อ ‘ยุนแซบม’ (Han Hyo-Joo) สิบเอกหญิงแห่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษต่อต้านการก่อการร้าย มีความฝันอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเอง เธอจึงใช้สิทธิ์เจ้าหน้าที่รัฐเพื่อเช่าซื้ออพาร์ตเมนต์
แต่มีเงื่อนไขว่า คนที่จะซื้อได้ต้องเป็นคู่ที่แต่งงานแล้ว เธอจึงขอให้ ‘จองอีฮยอน’ (Park Hyung-Sik) ตำรวจหนุ่มอดีตนักเบสบอล เพื่อนสนิทสมัยมัธยมปลายของเธอ มาสมมติเป็นคู่สามีภรรยาปลอม ๆ และย้ายเข้าไปอยู่ในอพาร์ตเมนต์สร้างใหม่ที่ชื่อว่า ‘แซยัง ฟอเรสต์ เลอเชียล’ (Seyang Forest Le Ciel) ด้วยกัน
อพาร์ตเมนต์แห่งนี้มีเงื่อนไขพิเศษคือ ชั้นบน ๆ จะเป็นชั้นสำหรับผู้ที่ซื้อเป็นของตัวเอง ส่วนชั้นล่าง ๆ จะมีไว้สำหรับผู้เช่า และพนักงานของรัฐที่เช่าซื้อในราคาพิเศษ ทั้งสองฝ่ายจะไม่สามารถไปมาหาสู่กันได้ แต่ด้วยความระห่ำของแซบม ทำให้ทั้งคู่ได้พบเจอกับเพื่อนบ้านที่มีหลายฐานะและนิสัย จนกระทั่งเมื่อตึก 101 ที่ทั้งคู่อาศัยอยู่
มีการพบผู้ป่วยเป็นโรคคนคลั่งเป็นครั้งแรก ‘พ.ท.ฮันแทซอก’ (Jo Woo-Jin) หัวหน้าทีมวิจัยควบคุมการระบาด จึงต้องเข้าจัดการล็อกดาวน์อาคารแห่งนี้โดยทันที ทำให้เหล่าเพื่อนบ้านในอาคารแห่งนี้ ต้องพยายามดิ้นรน เอาตัวรอด และหาประโยชน์จากอาการป่วยโรคคนคลั่งในอาคารที่ถูกปิดตาย
การดำเนินเรื่องของเรื่องนี้
การสะท้อนความเห็นแก่ตัว เบียดเบียนคนอื่นในยามคับขันจนถึงขั้นวิปริต เพื่อให้ตัวเองได้ในสิ่งที่ต้องการโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ความกลัว รังเกียจ และมองผู้ป่วยราวกับว่าเป็นปีศาจ
รวมทั้งการสะท้อนวิธีการอันสกปรกและง่อยเปลี้ยของรัฐในการจัดการโรคระบาดที่มองผู้ป่วย (ที่มีโอกาสหายได้) เป็นเพียงซอมบี้สมองตายที่ต้องควบคุมและกำจัดให้สิ้นซาก รวมทั้งความฉ้อฉลในวงการวัคซีนที่พร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาช่องโอกาสเพื่อผลิตและขายวัคซีนในยามวิกฤติ
นั่นจึงเป็นเหตุผลง่าย ๆ ที่ทำให้ผู้เขียนบทต้องเพิ่มเส้นเรื่องและตัวละครลงไปในซีรีส์เกาหลีเยอะมาก ๆ เยอะชนิดที่ว่าผู้เขียนต้องดูแล้วกรอเพื่อดูซ้ำอยู่เรื่อย ๆ ไม่งั้นจะงงและหลุดไปเลยว่าตัวละครเหล่านั้นมีที่มายังไง ทำอะไร ทำอย่างไร ด้วยแรงจูงใจอะไร ในขณะที่จังหวะการดำเนินเรื่องถือว่าช้ามาก โดยเฉพาะใน 3 อีพีแรกนี่คือมีไว้เพื่อปูเรื่องล้วน ๆ เลย
ก่อนจะค่อย ๆ เพิ่มเส้นเรื่อง Conflict และความคับขันของตัวละครเพื่อนบ้านในอพาร์ตเมนต์ ซึ่งเป็นตัวแทนของคนในสังคมเข้ามาทีละน้อย ทั้งฝั่งคนรวย (ผู้ซื้อห้อง) ที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่า เอาแต่พูดเรื่องผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่ก็กลัวโลกแตกซะจนดูประหลาดไปเลย ในขณะที่ฝั่งผู้เช่าที่มักเป็นชนชั้นกลาง
ก็มักถูกคนรวยดูถูก และตกเป็นเหยื่อของสิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย ส่วนคนรุ่นใหม่ก็กลายเป็นคนทำงานหาเงินด้วยวิธีการที่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจ เช่นการเป็นยูทูบเบอร์ หรือเขียนนิยายออนไลน์ ส่วนคนที่เป็นลูกจ้างอพาร์ตเมนต์ กลายเป็นคนที่ไร้สิทธิ์ไร้เสียง ไร้ตัวตน
หรือแม้แต่คนอีกชนชั้นที่เรานึกไม่ถึงก็คือ ผู้ป่วยโรคคนคลั่งมรณะ ด้วยความกลัวและไม่เข้าใจ ทำให้พวกเขาถูกรังเกียจ จะบอกให้ใครช่วยเหลือก็ไม่ได้ ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ เพราะกลัวถูกกำจัด กลัวถูกตราหน้าจากสังคม
และอาจต้องถูกกำจัดทิ้งทั้งหมดนั้นแหละที่บังคับให้พวกเขาเหล่านั้นต้องเอาตัวรอดด้วยวิธี วิถี และสันดานดิบของแต่ละคนออกมา ทั้งการใช้ความรุนแรง เห็นแก่ตัว จนบางครั้งก็เริ่มผิดมนุษย์มนา ซึ่งซีรีส์ต้องการสะท้อนให้เห็นว่า ความวิปริตของมนุษย์น่ากลัวกว่าคนป่วยที่อยู่ข้างนอกอพาร์ตเมนต์เสียอีก
และด้วยความที่เส้นเรื่องและตัวละครมันเยอะมาก รวมทั้งการดำเนินเรื่องที่ช้าจนอืด ทำให้ซีรีส์น่าดูเรื่องนี้เองก็มีปัญหา แม้ในช่วงแรก ๆ จะยังพอมีอะไรให้ติดตาม แต่พอเข้าสักอีพีที่ 4-5 เป็นต้นไป เนื้อหากลับเริ่มวนลูปไปมาด้วยซับพล็อตและ Conflict เดิม ๆ จนทำให้ตัวเรื่องเคลื่อนไปน้อยมาก และด้วยความที่ตัวละครเยอะ
ยังส่งผลให้ตัวละครบางตัวหายไปจากเรื่องอยู่เป็นระยะ ๆ จนแอบเสียดายที่อุตส่าห์ปูเรื่องเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจแล้วแท้ ๆ จนผู้เขียนแอบคิดว่า ถ้าตัดตัวละครบางตัว หรือบางเส้นเรื่องออกไป ซีรีส์เรื่องนี้อาจเหลือสัก 8 อีพีเป็นอย่างต่ำ
ปัญหานั้นกลับมาซ้ำในช่วงอีพีท้าย ๆ อีก เพราะกลับมีตัวละครบางตัว (และเส้นเรื่อง) ที่ไม่รู้ว่าจะใส่มาทำไมเสียอย่างนั้นแหละ พอโผล่มาเฉย ๆ โดยที่ไม่ได้ปูเนื้อเรื่องให้เห็นถึงแรงจูงใจ และแทบจะไม่มี Conflict อะไรกับตัวละครและธีมเรื่องหลักเลยด้วยซ้ำ ทำให้เจตนาที่ต้องการสะท้อนภาพความทุกข์เกี่ยวกับโรคภัย
และวิพากษ์การทำงานของรัฐ วิจารณ์นายทุนยาและวัคซีน ที่ซีรีส์พยายามปูเรื่องไว้อย่างเท่ กลับถูกอีตานี่แย่งซีน เบี่ยงประเด็นจนเกิดอาการ Out focus ของเนื้อเรื่องในช่วงท้าย ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย
อีกอย่างที่ผู้เขียนรู้สึกได้ก็คือ ความ Extreme ของเนื้อเรื่องที่บางครั้งก็ดูเกินเหตุไปหน่อย ทั้งในแง่บทโดยรวมที่มีบางจุดที่ไม่เมกเซนส์ รวมทั้งตัวบท วิธีการ และการกระทำบางอย่างของตัวละครที่ออกจะเวอร์เกินจริงไปอยู่บ้าง
คืออารมณ์ประมาณทำมากเพื่อจะได้น้อย หรือแอบไม่เข้าใจว่าจะทำแบบนั้นไปทำไม อะไรประมาณนั้นแหละ แถมยังแอบมี Plot Hole เล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ด้วยอีกต่างหาก (ต้องหาดูนะครับอยู่ตรงไหน สปอยล์ไม่ได้)
พูดถึงตอนท้าย ก็ต้องพูดถึงอีพีที่ 12 ซึ่งเป็นอีพีสุดท้ายด้วยครับ แน่นอนว่าตัวเรื่องเองสามารถสรุปจบเรื่องได้ค่อนข้างดี แต่ก็แอบไม่ค่อยสุดอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะบทสรุปของเหล่าเพื่อนบ้านในอพาร์ตเมนต์
ที่ล้วนแล้วแต่สร้างวีรกรรมเห็นแก่ตัวจนเข้าขั้นวิปริต กลับถูกสรุปเรื่องตัดจบแบบทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ จนรู้สึกแอบเสียดายตัวละครร้าย ๆ ที่อุตส่าห์ปูเรื่องให้คนดูรู้สึกเกลียดตลอดทั้ง 11 อีพีเหลือเกิน พลอยทำให้ตอนจบดูจืด ๆ ไม่ค่อยพีคไปด้วย
ความรู้สึกหลังดูเรื่องนี้จบแล้ว
รีวิว happiness ซีรีย์เกาหลีระทึกขวัญ สนุกๆ แม้ตัวหนังจะค่อนข้างซีเรียสกับประเด็นโรคระบาด และด้านมืดของคนจนดูหม่น อืด และหนักไปบ้าง แต่ก็ถือว่ายังดีที่มีความโรแมนติกของพระนาง ทั้ง ฮันฮโยจู (Han Hyo-Joo) ผู้รับบท ยุนแซบม และ พักฮยองชิก (Park Hyung-Sik) ผู้รับบท จองอีฮยอน มาช่วยถ่วงดุลเอาไว้ เพราะทั้งคู่เคมีเข้ากันดีมาก ทั้งตอนบู๊ก็เท่ ฉลาด โหดพอ ๆ กัน แต่เวลาใจดีหรือโรแมนติก ก็มีความเข้าขาน่ารักน่าชัง ส่วนคุณ โจอูจิน (Jo Woo-Jin) ผู้รับบท พ.ท.ฮันแทซอก ก็รับบทตัวละครที่มีมิติหลากหลาย เป็นตัวละครกึ่งดีกึ่งเลวได้ออกมาหล่อ น่าเห็นใจ และน่าหมั่นไส้ได้ในเวลาเดียวกัน ส่วนเหล่าเพื่อนบ้านร้าย ๆ หลายคนนี่ก็แสดงดีซะจนผู้เขียนอยากขอหยุมหัวสักแมตช์
สรุปโดยรวมของเรื่องนี้
โดยสรุป แม้ Happiness จะเป็นซีรีส์น่าดูที่ประสบปัญหาการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างเชื่องช้า การแก้ Conflict ที่บางครั้งเล่นใหญ่ไปหน่อย รวมถึงแก่นเรื่องและตัวละครบางตัวที่มีหลุด ๆ ขาด ๆ รวมทั้งตอนท้ายที่ไม่ค่อยพีกสมการรอคอยสักเท่าไหร่ แต่ซีรีส์เรื่องนี้ก็ถือเป็นซีรีส์โรคระบาดที่หยิบเอาวิธีการเล่าแบบหนังซอมบี้เกาหลีได้ออกมาน่าสนใจและชวนหดหู่ไม่ใช่น้อย
รวมทั้งงานภาพที่สวยระดับ Cinema ส่วนนักแสดงโดยรวมถึอว่าดี นี่คือซีรีส์ที่คอหนังแอ็กชันซอมบี้สายลุยสายสับอาจจะบอกว่าไม่ตรงปก ชวนง่วง เสียเวลา และเกลียดเข้าไส้ แต่สำหรับคอซีรีส์แปลกใหม่ที่พร้อมจะดำดิ่งและค้นหาความหมายของความสุข โดยเฉพาะความสุขที่หายไปในโลกยุค New Normal ซีรีส์เรื่องนี้อาจถูกใจคุณก็เป็นได้