รีวิว the call หนังเกาหลี สุดระทึก ดูหนังออนไลน์ วันนี้มาพบกับ the call สายตรงต่ออดีต ซึ่งเป็นภาพยนตร์ของเกาหลี เป็นแนวระทึกขวัญ กำกับโดย Lee Chung hyun และนำแสดงโดย Park Shin hye ซึ่งก็การันตีฝีมือการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเธอนั้นเอง โดยเรื่องนี้เป็นการเล่าเรื่องราวของ ซอยอน (พัคชินฮเย) หญิงสาววัย 28 ที่ย้ายมาอยู่บ้านหลังเก่า ซึ่งเธอมีปมเรื่องบ้านถูกไฟไหม้จนต้องสูญเสียพ่อ ด้านความสัมพันธ์กับแม่ก็ย่ำแย่ เมื่อเธอมองว่าแม่คือต้นเหตุที่ทำให้เธอนั้นต้องเสียพ่อไป แล้วจู่ ๆ โทรศัพท์บ้านของเธอก็มีสายปริศนาจากอดีตเมื่อปี 1999 ติดต่อเข้ามา ที่ภายหลังถึงรู้ว่าเธอคือ ยองซุก (จอนจงซอ) หญิงสาววัยเดียวกัน ที่ถูกแม่เลี้ยงที่เป็นร่างทรงทารุณสารพัดเพื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกไป สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปจะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามกันได้เลยในเรื่องนี้ และสิ่งที่ไม่ควรพลาดเลย ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022

ข้อมูลทั่วไป the call หนังระทึกขวัญ ส่งท้ายปี

รีวิว the call หนังเกาหลี สุดระทึก The call ภาพยนตร์แนวทริลเลอร์ ระทึกขวัญที่ผสมผสานความเป็นแฟนตาซี หนังข้ามเวลาเข้ามาทวีความลุ้นระทึกจนคนดูต้องลุ้นตามกันจนเหนื่อย โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้น้องผักหรือ พัคชินฮเย นางเอกแนวหน้าของวงการ มาประชันฝีมือกับนักแสดงสาวดาวรุ่งแห่งวงการภาพยนตร์ จอนจงซอ ที่แจ้งเกิดจากภาพยนตร์เรื่อง Burning เมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา พร้อมด้วยนักแสดงสมทบมากความสามารถอย่าง คิมซองรยอง และ อีเอล ที่ต่างก็ปล่อยของใส่กันสุด ๆ ในภาพยนตร์เรื่องนี้

 

นอกจากนักแสดงนำและตัวเนื้อหาที่น่าสนใจแล้ว สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจและน่าจับตามองมากขึ้นไปอีก ก็คงจะเป็นฝีมือการกำกับของผู้กำกับหนุ่มหน้าใหม่ อีชุงฮยอน ที่หลายๆคนต่างก็รอดูกันว่าผู้กำกับหนุ่มคนนี้จะถ่ายทอดหนังเรื่องนี้ออกมาในรูปแบบไหนเพราะภาพยนตร์ The call เป็นผลงานภาพยนตร์ออนไลน์ยาวเรื่องแรกของเขา

รีวิว the call หนังเกาหลี สุดระทึก

เรื่องย่อ The call

The call เป็นเรื่องราวของซอยอน (รับบทโดย พัคชินฮเย) หญิงสาวที่อาศัยอยู่ในยุคปัจจุบัน ที่วันนึงเธอได้รับสายปริศนาจากโทรศัพท์บ้านในบ้านใหม่ที่เธอเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ได้ไม่นานหลังจากที่บ้านเก่าของเธอไฟไหม้จนต้องสูญเสียพ่ออันเป็นที่รักไป เธอจึงได้แต่โทษว่าเป็นความผิดของแม่ (รับบทโดย คิมซองรยอน) มาตลอดชีวิต

 

สายปริศนาที่เธอได้รับถูกโทรมาจากอดีตในปี 1999 จากหญิงสาวที่ชื่อว่าโอยองซุก (รับบทโดย จอนจงซอ ผลงาน) ที่อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงที่เป็นหมอผีร่างทรง (รับบทโดย อีเอล) ที่มักจะทารุณกรรมเธออยู่เสมอ โดยอ้างว่าจะขับไล่วิญญาณชั่วร้ายที่สิ่งอยู่ในตัวยองซุกให้ออกไป โดยวันหนึ่งยองซุกได้ยื่นข้อเสนอว่าเธอสามารถช่วยไม่ให้พ่อของซอยอนตายได้ และเธอก็สามารถทำได้จริง ๆ

 

ทำให้ปัจจุบันที่ซอยอนอยู่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงยิ่งแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น จนวันนึงซอยอนได้ช่วยชีวิตยองซุกจากเงื้อมมือแม่เลี้ยง ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของฆาตกรต่อเนื่อง ปีศาจที่จะมาเปลี่ยนชีวิตของซอยอนไปตลอดกาล

 

โอยองซุก ที่รับบทโดย จอนจงซอ ในเรื่องนี้เรียกได้ว่าพกความโรคจิตมาปล่อยแบบไม่มีกั๊ก ทุกฉากที่เธอออกมาไม่ว่าจะน้ำเสียง แววตา การขยับของร่างกายก็ล้วนบ่งบอกว่าจิตใจของเธอนั้นไม่ปกติ เธอนั่นต้องทนทุกข์กับการโดนทารุณจากแม่เลี้ยงอย่างโหดร้ายมาตลอดหลายปี

 

ทำให้นอกจากบาดแผลทางร่างกายแล้วบาดแผลทางจิตใจที่ถูกทำร้ายก็สะสมจนเธอกลายเป็นคนมีบุคลิกภาพผิดปกติชนิดก้ำกึ่งและต่อต้านสังคม ที่ทวีความรุนแรงในพฤติกรรมการแสดงออกของเธอไปอีกเป็นทวีคูณ เรียกได้ว่าจงซอเล่นได้ไม่ดร็อปเลยแม้แต่ฉากเดียว

 

ซอยอน ที่รับบทโดย พัคชินฮเย ผลงาน ก็ไต่ระดับความประสาทได้อย่างดีเยี่ยม จากหญิงสาวที่ต้องทนทุกข์จากการเสียพ่อและโกรธเคืองแม่ กลายมาเป็นหญิงสาวที่เพรียบพร้อมและมีความสุขกับการที่ครอบครัวกลับมาอยู่พร้อมหน้าอบอุ่น และต้องกลับมาตกต่ำถึงขีดสุดกับสิ่งที่ปีศาจร้ายอย่างยองซุกหยิบยื่นให้กับเธอ

 

ทำให้เธอต้องฟาดฟีปากและหาทางเอาคืนเพื่อดิ้นรนจากสิ่งที่ยองซุกจะทำให้ได้ ซอยอนในเรื่องนี้เป็นตัวละครที่มีหลากอารมณ์มากๆและน้องผักก็สามารถเข้าถึงทุกบทบาทได้อย่างน่าขนลุก การค่อยๆร้องไห้ไปพร้อมๆกับการเพิ่มวอลลุ่มเสียงไปด้วยทั้งๆ ที่ต้องแสดงเพียงคนเดียวกับโทรศัพท์เปล่าๆนี่มันน่าทึ่งมากกก!!!

รีวิว the call หนังเกาหลี สุดระทึก

ความรู้สึกหลังจากดูเรื่องนี้จบแล้ว

ภาพยนตร์ออนไลน์เรื่องนี้ในช่วงต้นเรื่องที่เป็นการเกริ่นนำสามารถทำได้ดีชวนติดตามอยู่พอสมควร ชวนให้อยากรู้และจดจ่ออยู่กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นอดีตจะถูกเปลี่ยนเช่นไรส่งผลต่อปัจจุบันอย่างไร ใครจะต้องมาตายเพราะยองซุกอีก และซอยอนจะเอาตัวรอดและเอาชนะยองซุกได้ด้วยวิธีอะไร เนื้อเรื่องมีความค่อย ๆ บีบคั้นและกดดันมากขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงช่วง 30 นาทีสุดท้ายตัวหนังทำออกมาได้มันส์หยด จนหัวใจจะวาย

 

นอกจากจะต้องลุ้นระทึกเอาใจช่วยซอยอนและซู้ดปากกับความโหดเหี้ยมของยองซุกแล้ว โปรดักชั่นของตัวหนังก็ทำออกมาได้ดี มีความสดใหม่ ฉากที่ปัจจุบันเปลี่ยนภาพ CG สวยเนียนกริ๊บ มุมกล้อง ซาวน์เสียง โลเคชั่นหรือการจัดแสงต่างๆ ก็ทำออกมาได้สมบูรณ์เป็นตัวเพิ่มความระทึกขวัญ ความกดดันและความหลอนออกให้ออกมาเต็มสตรีมมากขึ้น

 

เดิมหนังเรื่องนี้มีกำหนดฉายในเกาหลีในช่วงปีนี้หลังจากถ่ายทำเสร็จสิ้นไปตั้งแต่เมื่อปีก่อน ทว่าด้วยสถานการณ์โควิด-19 ในเกาหลีที่ค่อนข้างรุนแรง ทำให้ในที่สุดชาวเน็ตฟลิกซ์ หนังทั่วโลกจึงโชคดีที่จะได้รับชมพร้อมกันแบบเวิลด์พรีเมียร์แทนไปเลย ทั้งนี้ที่ว่าเป็นความโชคดีโดยส่วนตัวแล้วนั่นก็เพราะว่า ตัวหนังมีข้อเด่นสำคัญถึง 3 ประการที่ทำให้ส่วนตัวผู้รีวิวนั้นอยากดูมากกกก

 

1 หนังเป็นการมารับแสดงหนังเรื่องที่ 2 ของดาราสาวหน้าใหม่อย่าง จอนจงซอ ที่ถ้าใครจำได้ เธอคือหญิงสาวอาร์ตตัวแม่ที่เป็นตัวแปรของทุกอย่างในหนังโชว์เมืองคานส์ของผู้กำกับชั้นครูอย่าง อีชางดง ในหนังดัดแปลงจากเรื่องสั้นของ ฮารูกิ มูราคามิ อย่าง Burning (2018) คือใครได้ดูเรื่องนั้นมาคงต้องติดตรึงใจกับการแสดงครั้งแรกของเธอ ที่สมจริงมีอินเนอร์และเสน่ห์อย่างประหลาด

 

และอาจเพราะดราม่าที่เธอทำท่าทีรังเกียจและหนีนักข่าวในปีเดียวกัน ทำให้ข่าวคราวของเธอแทบหายไปจากวงการเลย ทั้งที่เธอเป็นดาราหน้าใหม่ที่น่าจับตามองมากที่สุดในวงการหนังคุณภาพเกาหลีในตอนนั้นทีเดียว การกลับมาในหนัง the call สายตรงต่ออดีต

 

จึงเป็นความสาแก่ใจส่วนหนึ่ง ยิ่งบทบาทของเธอเป็นสาวที่จิตผิดปกติ มีทั้งด้านอ่อนแอราวกับแก้วที่พร้อมแตกสลาย และด้านที่ขมุกขมัวราวกับควันไฟสีดำที่แผดเผาได้ทุกสิ่งอย่างยากเดาทิศทาง มันจึงเป็นบทบาทที่เปิดพื้นที่ปล่อยของให้เธอโชว์นาฏกรรมการแสดงได้มันสุดติ่ง และต้องบอกว่าใบหน้าหลอน ๆ ของเธอจะสะกดเราไปได้อีกนานเลย

 

2 บทร้ายที่น่ายำเกรงย่อมมาพร้อมกับตัวเอกที่น่าเอาใจช่วย ทว่าหนังแนวธริลเลอร์เขย่าขวัญหลาย ๆ เรื่องมักตายน้ำตื้นโดยการสร้างตัวละครนำที่ไม่น่าสนใจ ส่วนใหญ่ก็มักมาพร้อมความสติแตก อ่อนแอ ทำตัวโง่ ๆ จนเราไม่อยากเอาสายตาตัวเองลงไปแทนตัวละครในสถานการณ์นั้น ๆ เลย

 

ทว่าสำหรับการแสดงของ พักชินฮเย ที่เราคุ้นหน้าจากซีรีส์ดังอย่าง Stairway to Heaven หรือ Memories of the Alhambra จนมาถึงหนังเน็ตฟลิกซ์เรื่องล่าสุดอย่าง #Alive ก็ตามที ต้องยอมรับว่าบทก็ส่วนหนึ่ง แต่การถ่ายทอดของเธอก็เสริมให้มิติเชิงลึกของบทนางเอกนั้นน่าติดตามมากขึ้น

 

เพราะ ซอยอน เป็นตัวละครที่มีทั้งแข็งและอ่อนในตัว เธอเข้มแข็ง ตอบโต้สถานการณ์ต่าง ๆ อย่างมีสติในแบบมนุษย์ปุถุชนทั่วไปที่เชื่อได้ เธอไม่ใช่เหยื่อที่อาละวาดโวยวายและปล่อยบทบังเอิญเข้าช่วยเหลือให้จบแฮปปี้เอนดิ้ง ในขณะเดียวกันพักชินฮเยก็มอบด้านอ่อนแอให้เธอได้อย่างน่าสนใจ

 

ด้วยภาษากายที่สะท้อนความบอบบางของตัวละครที่มักโอบกอดตัวเอง เดินอย่างไร้ความมั่นใจ และดวงตาที่สั่นไหวราวกับร้องไห้อยู่ภายในด้วยแผลในอดีตที่เราไม่เคยรับรู้ แต่กระนั้นก็มีดวงตาที่ทรงพลังพอให้เห็นว่าเธอพร้อมสู้เอาชีวิตเข้าแลกได้ยามเมื่อจวนตัว และเมื่อนุ่มนอกแข็งในเช่นนี้ จึงไม่แปลกเลยที่เธอจะเป็นตัวละครที่เราเอาใจช่วย และยืนเคียงข้างได้ตลอดเรื่องแบบยินดีมอบกายถวายใจ เรียกว่าสมน้ำสมเนื้อกันมากทั้งตัวเอก-ตัวร้าย

 

3 แม้จะเป็นหนังยาวเรื่องแรกของผู้กำกับ อีชุงฮยอน แต่มันก็มีคุณภาพในแบบที่น่าจับตามมอง ด้วยเรื่องราวที่ดัดแปลงมาจากหนังประเทศอังกฤษเรื่อง The Caller (2011) ของ แมธธิว พาร์กฮิลล์ และบทของ เซอร์จิโอ แคสซี ที่มีจุดเด่นของพล็อตเรื่องของเวลา และการแก้ไขไทม์ไลน์ ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์แบบไซไฟ

 

มาผสมกับหนังแนวธริลเลอร์จิตวิทยา เมื่อฆาตกรในอดีตมีชีวิตของตัวเอกในห้วงเวลานั้นเป็นตัวประกัน และบังคับควบคุมให้ตัวเอกในปัจจุบันทำตามมัน แน่นอนแค่นี้ก็โคตรมันแล้วเพราะ ตัวเอกในปัจจุบันแทบไม่มีอำนาจต่อรองอะไรเลย เพราะไปจับต้องอดีตไม่ได้ แล้วจะสู้กับฆาตกรอย่างไร นั่นล่ะไฮไลต์เลย

 

สำหรับ The Call (콜) เองก็เอาจุดเด่นตรงนี้มาเสริมความแข็งแรง ด้วยวิธีการด้านดรามาติกที่ทรงพลังตามแนวถนัดของเกาหลี ซึ่งปั้นเสริมเรื่องของตัวละครให้มีมิติรอบตัวน่าสนใจขึ้น การขู่เข็ญโดยเอาชีวิตคนรอบตัวนางเอกมาต่อรองเพื่อให้เห็นบันไดของการทรมานที่ไต่ระดับจนบีบอัดตัวละครถอยติดมุมจนต้องขดตัวลงกับซอกแบบลุ้นระทึก

 

และยิ่งต้องชมคุณภาพงานสร้างที่ไปไกลกว่าหนังเกาหลีต้นฉบับเอาหลายขุม เพราะโลเกชันหลักอย่างตัวบ้านที่นางเอกอยู่เพียงที่เดียวก็ต้องตกแต่งออกแบบกันถึง 3-4 เวอร์ชันทีเดียว เพราะมีการแก้ไขอดีตกันหลายครั้ง

 

โดยแต่ละครั้งต้องนำเสนอให้เห็นผลกระทบการเปลี่ยนแปลงผ่านฉากและพร็อพทั้งหลายด้วย เรียกว่าละเอียดกันทุกซอกมุม ยังไม่นับการนำซีจีมาช่วยนำเสนอการเปลี่ยนแปลงที่ทำได้ลงตัวดี ไม่ดูหลอกจนตลก ถ้าจะพิจารณาเทียบเคียงแล้วคงต้องยอมรับว่าวงการหนังเกาหลีไปไกลเทียบเคียงตะวันตกแล้วจริง ๆ

 

จุดติง อย่างว่าคงไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบไปได้ทั้งหมด หนังก็มีจุดติงอยู่บ้าง ยิ่งเมื่อจับเล่นกับเรื่องเวลาแล้วก็จะเห็นจุดโหว่น่าสงสัยอยู่นิดหน่อย เช่นว่าการคู่ขนานของเวลาในอดีตกับปัจจุบันนั้นทำงานแบบไม่เป็นไปตามกฏเดียวกันตลอดเรื่อง ยิ่งหนังมีการหักมุมกลับไปมาก็ยิ่งทำให้สงสัยเข้าไปอีก ยกตัวอย่างเป็นกรณีสมมติเช่นว่า

 

ในอดีตนาย A ถูกแก้ไขว่าโดนฆ่าแทนที่จะมีชีวิตรอด นาย A ในอนาคตก็จะสลายหายไป ทว่าในเวลาต่อมาหักมุมว่าจริงแล้วนาย A ในอดีตรอดตายเพราะฆาตกรเข้าใจผิดว่าฆ่าไปแล้ว ในปัจจุบันนาย A จึงกลับมาอีกครั้ง ข้อสงสัยคือในเมื่อความเป็นจริงในอดีตนาย A ไม่เคยตายจริง ๆ แล้วปัจจุบันที่นาย A หายไปนั้นเกิดขึ้นได้ยังไง แน่นอนว่าหนังย่อมทำไปเพื่อหลอกล่อคนดู แต่มันก็เกิดความเพี้ยนของกฏเวลาที่ตัวหนังสร้างขึ้นมาเองเช่นกัน

รีวิว the call หนังเกาหลี สุดระทึก

จุดเด่น จุดสังเกต ในเรื่อง

รีวิว the call หนังเกาหลี สุดระทึก การแสดงของนักแสดงนำที่ฝีมือน่าจับตา โพรดักชันดีไซน์ที่ดี และที่สุดคือพล็อตที่พัฒนาจากต้นฉบับได้อย่างยอดเยี่ยม น่าติดตาม

 

มีช่องโหว่เรื่องเวลาในหนังแต่ก็ไม่กระทบความสนุกของหนังเกาหลี หนังน่าจะโหดเลือดสาดได้มากกว่านี้ เพราะตัวละครจัดว่ามีการแสดงที่หลอนดีแล้ว ขาดแค่วิชวลโหด ๆ เพิ่มบารมีตัวร้ายให้ขึ้นหิ้งเท่านั้น

 

อีกประการก็คงเป็นจุดที่น่าเสริมให้สมบูรณ์ขึ้น ในขณะที่ตัวนางเอกคุยสายไปมาแบบไม่เคยเอะใจอะไร แต่ในตอนที่ต้องใช้ประโยชน์จากความแม่นยำของความต่างเวลากลับสามารถวางแผนออกมาได้เหมาะเจาะเสียอย่างนั้น

 

คือถ้าเป็นหนังญี่ปุ่นหรือฝรั่งที่คิดละเอียด ๆ เยอะ ๆ มันจะมีฉากที่เหลือข้อมูลให้ตัวเอกคำนวณได้ว่าเวลาของอดีตกับปัจจุบันต่างกันเท่าไหร่/หรือไม่ต่างกันเลยในหลักชั่วโมงหลักนาที เพราะจุดนี้ต้องถูกเอามาใช้เป็นไคลแม็กซ์สำคัญในช่วงท้าย ทว่าในหนังเกาหลีเรื่องนี้ข้ามอะไรแบบนี้ไปเลย และให้อนุมานเอาว่าเวลาที่ตัวละครโทรไปหรือรับสายคือเวลาที่พอดีกับที่ตัวละครต้องการ ทำให้ลดความสมจริงลงไปสักหน่อย

สรุปการรีวิว the call สายตรงต่ออดีต

โดยสรุป นี่เป็นหนังเกาหลีที่คุณภาพดีเรื่องหนึ่ง มีรสดราม่า รสระทึกขวัญ มีการแสดงที่ลึกและเข้มข้น มีโปรดักชันที่มาตรฐานสูง และแน่นอนพัฒนามาจากพล็อตที่ดีมาก่อนแล้ว ดังนั้นแล้วใครชอบอะไรประมาณนี้ก็ไม่ควรพลาดเลย ส่วนใครหาหนังผลาญเวลานี่เป็นอีกเรื่องที่ดีพอควรเลยล่ะ

 

โดยรวมถือว่า The call เป็นภาพยนตร์ออนไลน์ที่สนุกในระดับดี ตัวบทนำเสนอออกมาได้น่าสนใจที่สามารถเอาความแฟนตาซีเกี่ยวกับมิติเวลามาผสมผสานไปกับความสยองขวัญ ความลุ้นระทึกสั่นประสานไปกับการฆาตกรรมที่จะเกิดขึ้นในเรื่อง ผ่านตัวละครที่แทบจะมีแต่ผู้หญิง เรียกได้ว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่นักแสดงหญิงต่างก็ปล่อยของโชว์พลังกันไม่หยุด