รีวิว The Grudge บ้านผีดุ
เรื่องย่อ เรื่องราวของบ้านต้องสาปที่มาพร้อมกับผีจอมอาฆาต (จู-ออน) ขาดเอกลักษณ์แบบเดิม ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย ขาดนู่นนี่นั่นอย่างละหน่อย จนหนังไม่สุดสักทาง
มุกหลอกดี ๆ ก็สดใหม่ยากเพราะภาคก่อน ๆ หน้านี้เล่นอะไรไปเยอะมากแล้ว หนังถูกเปลี่ยนคนแก้บทใหม่ซึ่งอาจเป็นปัญหาในการเล่า ที่พร้อมจะตามหลอนใครก็ตามที่เหยียบย่างเข้าไปในบ้าน ด้วยความตายอันโหดร้ายทารุณ จากการรายงานได้บอกว่าในเวอร์ชันนี้จะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาคดั้งเดิม
คอหนังผีหลายคนน่าจะรู้จักหนังผีแค้นหน้าขาวจากญี่ปุ่นอย่าง จูออน ดี ด้วยเอกลักษณ์การเมกอัปที่ไม่เหมือนใครกับความโหดชนิดฆ่าทุกผู้ทุกนามไม่ถามสักคำ ก็ทำให้ผีสองแม่ลูกนี่กลายเป็นไอคอนจำของแฟรนไชส์ไปอย่างติดตาตรึงใจลากยาวจนมีหนังถึง 13 เรื่องเข้าไปแล้ว โดยเป็นฉบับหนังวิดีโอ 2 ภาค
ดูหนังฟรี
หนังโรงฉบับญี่ปุ่น 2 ภาค หนังฉบับฮอลลีวูดรีเมกและดึงผู้กำกับเดิมไปทำ 2 ภาค หนังโรงฉบับฮอลลีวูดภาคต่อแต่เปลี่ยนผู้กำกับ 1 ภาค กลับมาเป็นหนังฉบับญี่ปุ่นอีก 4 เรื่อง หนังครอสโอเวอร์ปะทะซาดาโกะอีก 1 เรื่อง และหนังเรื่องนี้ก็จะเป็นฉบับฮอลลีวูดรีบูตใหม่ ถือเป็นหนังเรื่องที่ 13 ของแฟรนไชส์นี้แล้ว โดยไม่นับฉบับหนังสั้นปี 1998 ที่ผู้กำกับ ชิมิสุ ทาเคชิ ทำเป็นเหมือนเดโมก่อนที่จะได้ไฟเขียวทำหนังวิดีโอต่อมา
ดูหนังออนไลน์
รีวิว The Grudge บ้านผีดุ
รีวิว The Grudge บ้านผีดุ เรื่องย่อ เรื่องราวของบ้านต้องสาปที่มาพร้อมกับผีจอมอาฆาต (จู-ออน) ที่พร้อมจะตามหลอนใครก็ตามที่เหยียบย่างเข้าไปในบ้าน ด้วยความตายอันโหดร้ายทารุณ จากการรายงานได้บอกว่าในเวอร์ชันนี้จะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาคดั้งเดิม
รีวิวหนังผีสยองขวัญ
คอหนังผีหลายคนน่าจะรู้จักหนังผีแค้นหน้าขาวจากญี่ปุ่นอย่าง จูออน ดี ด้วยเอกลักษณ์การเมกอัปที่ไม่เหมือนใครกับความโหดชนิดฆ่าทุกผู้ทุกนามไม่ถามสักคำ ก็ทำให้ผีสองแม่ลูกนี่กลายเป็นไอคอนจำของแฟรนไชส์ไปอย่างติดตาตรึงใจลากยาวจนมีหนังถึง 13 เรื่องเข้าไปแล้ว โดยเป็นฉบับหนังวิดีโอ 2 ภาค หนังโรงฉบับญี่ปุ่น 2 ภาค หนังฉบับฮอลลีวูดรีเมกและดึงผู้กำกับเดิมไปทำ 2 ภาค หนังโรงฉบับฮอลลีวูดภาคต่อแต่เปลี่ยนผู้กำกับ 1 ภาค กลับมาเป็นหนังฉบับญี่ปุ่นอีก 4 เรื่อง หนังครอสโอเวอร์ปะทะซาดาโกะอีก 1 เรื่อง และหนังเรื่องนี้ก็จะเป็นฉบับฮอลลีวูดรีบูตใหม่ ถือเป็นหนังเรื่องที่ 13 ของแฟรนไชส์นี้แล้ว โดยไม่นับฉบับหนังสั้นปี 1998 ที่ผู้กำกับ ชิมิสุ ทาเคชิ ทำเป็นเหมือนเดโมก่อนที่จะได้ไฟเขียวทำหนังวิดีโอต่อมา
สปอยหนังผีสยอง
The Grudge บ้านผีดุ สปอย
โดยในครั้งนี้โพรดิวเซอร์ใหญ่อย่าง แซม เรมี่ ก็ยังกลับมาและดึงผู้กำกับใหม่อย่าง นิโคลาส เปสเช่ ที่มีผลงานเปรี้ยงแจ้งเกิดในเวที Fantastic Cinema Festival อย่าง The Eyes of My Mother (2016) หนังเขย่าขวัญขาวดำที่คว้ารางวัลใหญ่ของเทศกาลแบบกวาดเรียบจนไปเข้าตาแซม เรมี่ในที่สุด โดยเขายังทำหน้าที่แก้ไขบทด้วยตนเองจากบทฉบับเดิมของ เจฟ เบอห์เลอร์ มือเขียนบทสยองขวัญจากหนัง The Midnight Meat Train (2008) ด้วย โดยเรื่องราวในการรีบูตนี้ได้ย้ายสถานที่จากโตเกียวมาสู่อเมริกาอย่างเต็มตัว และเป็นไทม์ไลน์ที่อยู่ระหว่างหนัง The Grudge (2004) กับ The Grudge 2 (2006) ที่ขยายคำสาปจาก ผีคายาโกะ กับ ผีโทชิโอะ ลูกชายของเธอ มาสู่คำสาปบทใหม่ ซึ่งก็เป็นเหตุให้แฟนเดิม ๆ ของผีหน้าขาวตาเหลือกส่ายหน้าเพราะผีคายาโกะ (และ/หรือโทชิโอะด้วย) ออกมาในหนังแค่ 8 วินาทีเท่านั้น จนหนังได้คะแนนจาก Cinemascore ซึ่งสำรวจความเห็นผู้ชมจากวันเปิดตัวโดยโดนตัดเกรดไปเพียงแค่ F เท่านั้น (ซึ่งเป็นเกรดที่ได้ยากมาก ที่ผ่านมีหนังแค่ 20 เรื่องที่ได้เกรดนี้)

บ้านผีดุ ทำความเข้าใจ
ซึ่งตอนที่ดูหนังก็พอเข้าใจได้ว่า พอหนังเก็บรักษาหัวใจของแฟรนไชส์ไว้แค่ คนที่ตายด้วยความแค้นจะกลายเป็นคำสาปติดที่อยู่ในสถานที่นั้น ๆ และเมินเฉยต่อรูปลักษณ์ที่เป็นไอคอนของแฟรนไชส์แบบผีญี่ปุ่นผิวขาวซีดตาเหลือกโตร่างกายบิดเบี้ยวผมยาวสยาย มากลายเป็นภาพแบบผีซอมบี้อเมริกัน (พูดให้ตรงคือฉากที่เห็นหน้าตาชัด ๆ มันคือผีแบบ Evil Dead ของแซม เรมี่ เลยล่ะ) แม้จะใส่กิมมิกทั้งเลขที่บ้าน 44 ที่เชื่อมโยงไปถึงหนังสั้นของชิมิสุที่ชื่อ 4444444444 หรือฉากปี๊กาบู หรือการเล่าเรื่องแบบย้อนไปปี 2004 ที่ตรงกับหนังฉบับฮอลลีวูดเข้าฉากครั้งแรกก็ด้วย ล้วนเพื่อคารวะหนังต้นฉบับของทั้งญี่ปุ่นและอเมริกาแบบเอาใจใส่พอสมควรเลย ก้ยอมรับล่ะว่าผีแม่ลูกจูออนดูจริง ๆ มันออกตลกมากกว่าน่ากลัวแต่พอเปลี่ยนไปใช้ผีอีกแบบและเข้าสูตรหนังผีเมกันจ๋าแบบนี้ หนังจึงไม่เหลือเอกลักษณ์น่าจดจำไปมากกว่าหนังบ้านผีสิงในแนวเดียวกันที่มีออกมามากมายเหลือเกิน ก็ไม่แปลกถ้าแฟนหนังจูออนจะมีความคาดหวังอีกอย่างและจะผิดหวังเมื่อเข้าไปดูหนังฉบับนี้
แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับหนังนะ หากมองข้ามความเป็นหนังจูออนไป หนังเรื่องนี้ก็นับว่าเป็นหนังสยองของผู้กำกับหน้าใหม่ที่ทำออกมาค่อนข้างดีใช้ได้เลยล่ะ ที่ประทับใจคือการออกแบบงานสร้างที่สวยงาม การจัดฉากแสงไฟเงามืดตามซอกมุมต่าง ๆ ส่งเสริมกับการมีอยู่ของผีได้อย่างลงตัว และจังหวะการขู่คนดูด้วยความเงียบกับเสียงสะดุ้งก็ทำเอามีคนหลับตาปี๋ หรือขนาดมีเสียงกรี๊ดออกมาให้ได้ยินเช่นกัน
สรุป มองว่าเป็นหนังจูออนก็ต้องบอกว่าเสี่ยงในการนำเสนออะไรใหม่ ๆ สำหรับแฟรนไชส์ มองเป็นหนังผีเรื่องหนึ่งก็ได้มาตรฐานอยู่แม้จะไม่ได้สดใหม่หรือมีอะไรให้ว้าวนัก และถ้ามองแบบกลาง ๆ ก็เป็นหนังสยองที่พอตอบโจทย์หนังโพรดักชันคุณภาพได้ดีพอสมควรเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
รีวิว The Grudge บ้านผีดุ ความรู้สึกหลังดู
บอกก่อนนะครับว่า The Grudge เวอร์ชั่นนี้ผมคาดหวังพอสมควร คาดหวังอะไรน่ะหรอ คาดหวังว่ามันจะไม่ออกมาเป็น Japanese Movie เหมือนภาครีเมคอันก่อนๆ ครับ
เพราะเท่าที่จำได้ก็คือผมดู Ju-On ไม่รู้เรื่องครับ ไม่ว่าจะพยายามดูขนาดไหนก็ยังดูไม่รู้เรื่องอยู่ดี เพราะการเล่าเรื่องมันสลับซับซ้อนมากครับ ซับซ้อนจนผมเองไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับหนังเลย ไม่ได้รู้สึกสนุก หรือติดตามอะไรหนังทั้งสิ้นเมื่อผมดูไปก็งงไป ส่วน The Grudge ภาครีเมคของฝรั่งที่ออกฉายในปี 2004 ผมรู้สึกว่าผมโอเคกว่าต้นฉบับค่อนข้างมากครับ เพราะหนังเล่าเรื่องสนุก แถมไม่ซับซ้อนมาก ฉากผีหลอกก็ค่อนข้างสะดุ้งแรงอยู่เหมือนกัน อาจจะมีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นคลุ้งไปหน่อยแต่ก็ยังรู้สึกโอเคอยู่ แต่พอมา The Grudge 2 ผมนี่ส่ายหัวเลยครับ เพราะมันไมสนุกเลย เน้นความเป็นญี่ปุ่นมากจนไม่มีความเป็นหนังรีเมคเลย ส่วนภาคที่เหลือผมขอไม่พูดถึงนะครับ เพราะไม่รู้จะพูดถึงอะไรดี
มาถึงฉบับนี้ ที่อุ่นใจหน่อยก็เพราะ Sam Raimi เป็น Producer ครับ ถ้าพี่แกทำนี่รับประกันว่าฉากสยองต้องสยองสมใจแน่นอน และตัวอย่างก็ตัดมาน่าดูมาก(ยิ่งตัวอย่าง Red Band ยิ่งน่าดู) ถึงแม้คะแนนใน Rotten Tomatoes จะออกมาต่ำเตี้ยเลี่ยดินขนาดไหน ผมก็ยังคาดหวังอยู่ดีว่ามันน่าจะออกมาถูกใจผมแหละน่า และผมก็คิดถูกครับ
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ “ปีเตอร์” นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ได้รับคำสั่งให้ตรวจสอบ บ้านหลังหนึ่งซึ่งน่าสงสัยก่อนที่เขาจะพบศพเน่าเปื่อยในอ่างอาบน้ำ ก่อนที่จะแจ้งตำรวจสาวที่ชื่อ “มัลดูน” จึงเข้ามาสืบเรื่องราวว่าอะไรคือสาเหตุการตาย แต่ทว่าเมื่อสืบเรื่องนี้เขาทำให้เธอได้รู้ว่า เธอกำลังถูกคุกคามจากวิญญาณสุดเฮี้ยนที่มาพร้อมกับคำสาปที่จะหลอกหลอนคนที่ย่างกรายเข้ามาในบ้านแห่งนี้

สรุป บ้านผีดุ
ที่ผมชอบ The Grudge ฉบับนี้ เพราะมันเป็นหนังที่ดูง่ายครับ ดูไปสะดุ้งไป เนื้อเรื่องก็พอประมาณ ไม่ได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อน ถึงแม้ฉบับนี้จะเล่าเรื่องสลับ Timeline แต่ว่าไม่งงแน่นอน ผมว่าดีด้วยเพราะว่ามันทำให้เราอยากรู้บทสรุปว่ามันจะลงเอยแบบไหน และตอนจบก็ช็อคพอสมควร ผมว่าข้อดีคืองานภาพสวยครับ แสงและเงาคือน่ากลัวมาก และฉากไหนที่เล่นกับความมืดนี่ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ เสียงก็ดีครับ สะดุ้งหลายครั้งเลย และฉากผีก็น่ากลัว ฉากที่ประทับขอยกให้ฉากที่เดินเข้าไปในบ้านแล้วเจอป้าหั่นนิ้วนั่นเลยครับ สยองจริงๆ ฉากนี้
ส่วนข้อเสียก็เดิมๆ ครับ บทมันยังมีช่องโหว่เยอะมาก แต่เอาเข้าจริงๆ มันก็เป็นข้อเสียที่มีมาตั้งแต่ต้นฉบับแล้ว จะมาโทษฉบับนี้มันก็กระไรๆ อยู่ ฉะนั้นอันี้ข้ามครับ เพราะหนังสนุกจนลืมข้อเสียจริงๆ